นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเภสัชกรรมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและทางสุขภาพอันเกิดจากพีเอ็ม 2.5
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เกิดจาก PM2.5 ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเภสัชกรรม โดยมีแนวทางการวิจัยที่ครอบคลุมและหลากหลาย งานวิจัยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการลดปริมาณ PM2.5 ในอากาศเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างรอบด้าน สามารถแบ่งแนวทางการวิจัยออกเป็นสามกลุ่มหลักได้ดังนี้:
กลุ่มที่ 1: การลดปริมาณ PM2.5 ในสิ่งแวดล้อม: งานวิจัยนี้ศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางกายภาพเพื่อลดการสัมผัส PM2.5 โดยเฉพาะการพัฒนาสารสูตรตำรับฉีดพ่นที่ใช้ไบโอพอลิเมอร์และสารลดแรงตึงผิวเพื่อเกาะรวมอนุภาค PM2.5 ในอากาศ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยและพัฒนา "ระบบพฤกษาบำบัดมลพิษทางอากาศ" โดยใช้พืช เช่น พลูด่าง ในการดูดซับ PM2.5 รวมถึงการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใยข้าวโพด ใยไหม และเยื่อไผ่ มาผลิตเป็นแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง การวิจัยในกลุ่มนี้เน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการลดปริมาณ PM2.5 ในสิ่งแวดล้อมโดยตรง
กลุ่มที่ 2: การลดการรับ PM2.5 เข้าสู่ร่างกายและลดผลกระทบต่อร่างกาย: งานวิจัยนี้ศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมเพื่อลดการรับ PM2.5 เข้าสู่ร่างกาย เช่น การพัฒนา prototype หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 และยับยั้งเชื้อจุลชีพ นอกจากนี้ยังศึกษาการใช้สารสกัดจากสมุนไพร เช่น รางจืด และมะขามป้อม เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น การต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน การวิจัยนี้ครอบคลุมการทดสอบทั้งในระดับเซลล์และในโมเดลสัตว์ทดลอง รวมถึงการประเมินผลในมนุษย์ กลุ่มนี้มุ่งเน้นการป้องกันและบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจาก PM2.5 โดยตรง
กลุ่มที่ 3: การวิจัยเชิงกลไก: งานวิจัยยังลงลึกไปถึงระดับกลไกการทำงานของเซลล์ เพื่อศึกษาการเพิ่มกลไกระดับเซลล์ในการทำลาย PM2.5 และลดผลกระทบต่อเซลล์ รวมถึงการศึกษาการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและกลไกการต้านการอักเสบ โดยใช้สารสกัดสมุนไพรมาตรฐาน การวิจัยในส่วนนี้เป็นฐานความรู้สำคัญที่จะช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เจลอาบน้ำ แชมพู และโลชั่นป้องกันสิว ที่ช่วยปกป้องผิวจากผลกระทบของ PM2.5
โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้มีความครบถ้วน บูรณาการความรู้หลายศาสตร์เข้าด้วยกัน และมีแนวทางการวิจัยที่เป็นระบบ ตั้งแต่การลดปริมาณ PM2.5 ในสิ่งแวดล้อม การลดการรับ PM2.5 เข้าสู่ร่างกาย จนถึงการลดผลกระทบต่อสุขภาพในระดับเซลล์ ผลลัพธ์จากงานวิจัยนี้คาดว่าจะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่หลากหลาย และช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เกิดจาก PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมหลายประเภท เนื่องจากผลลัพธ์ของการวิจัยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง ได้แก่:
-
อุตสาหกรรมเภสัชกรรม: สามารถนำสารสกัดสมุนไพรและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการผลิตยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง เพื่อป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5
-
อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม: เทคโนโลยีการลด PM2.5 เช่น สารสูตรฉีดพ่นและระบบพฤกษาบำบัด สามารถนำไปใช้ในการบำบัดอากาศในโรงงาน อาคาร และพื้นที่สาธารณะ
-
อุตสาหกรรมเกษตรกรรม: การนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ผลิตแผ่นกรองอากาศ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน
-
อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ: สามารถนำนวัตกรรมการกรองอากาศไปใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูง
-
อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเวชสำอาง: สารสกัดสมุนไพรที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ได้แก่:
-
นักวิจัยทางเภสัชกรรม: สามารถนำความรู้และทักษะในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมมาใช้ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
-
นักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม: สามารถใช้ความรู้ในการวิเคราะห์และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5
-
แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์: สามารถใช้ผลการวิจัยในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจาก PM2.5
-
วิศวกรสิ่งแวดล้อม: สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหา PM2.5 ในระดับพื้นที่และชุมชน
-
นักวิทยาศาสตร์ด้านพฤกษศาสตร์: สามารถวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์พืชที่มีประสิทธิภาพในการลด PM2.5
-
นักวิจัยด้านวัสดุศาสตร์: สามารถพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพของวัสดุที่ใช้ในการกรองอากาศ
| รหัสโครงการ : | 7174 |
| หัวหน้าโครงการ : | ศ.ดร. สุชาดา สุขหร่อง |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ |
| ประเภทโครงการ : | แผนงาน หรือชุดโครงการ |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและต่อสุขภาพอย่างครอบคลุม ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเภสัชกรรม ดังนี้1. ลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ทั้งภายใน (indoor) และภายนอกอาคาร (outdoor) ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีทางเภสัชศาสตร์2. ลดปริมาณการรับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกาย โดยการใช้เทคนิคทางเภสัชศาสตร์ในการเตรียมตำรับและเตรียมผลิตภัณฑ์ลดฝุ่น PM 2.5 หลายชนิด และสร้าง prototype หน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่นและสามารถยับยั้งเชื้อจุลชีพได้3.ลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่สะสมตามอวัยวะที่สัมผัสฝุ่นโดยการใช้เทคนิคทางเภสัชศาสตร์ในการเตรียมตำรับหรือผลิตภัณฑ์4. วิจัยเพื่อค้นหาหรือพัฒนาสายพันธุ์พืชที่สามารถลดปริมาณฝุ่นในห้องปิดได้5. ศึกษาการเพิ่มกลไกระดับเซลล์ในการทำลายฝุ่นและลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ที่ก่ออันตรายต่อเซลล์6. ศึกษาการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและกลไกการต้านการอักเสบโดยรวมของร่างกาย ที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 โดยการใช้สารสกัดสมุนไพรมาตรฐาน7. ประเมินผลการใช้สารธรรมชาติในการป้องกันการเกิดภูมิแพ้ที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 ที่ได้รับทางจมูกสู่ทางเดินหายใจ ในโมเดลสัตว์ทดลอง8.ประเมินผลการป้องกันของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร/สารสกัดสมุนไพรในการลดพิษ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือบรรเทากระบวนการอักเสบในระบบประสาทที่เกิดจากการเหนี่ยวนำโดย PM 2.5 ในเซลล์ โดยเฉพาะ astroglial cells และในโมเดลสัตว์ทดลอง9.ประเมินผลการป้องกันของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร/สารสกัดสมุนไพรในการลดพิษ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือบรรเทาอาการอักเสบที่เกิดจากการเหนี่ยวนำโดย PM 2.5 ในมนุษย์ |
ศ.ดร. สุชาดา สุขหร่อง. (2563). นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเภสัชกรรมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและทางสุขภาพอันเกิดจากพีเอ็ม 2.5. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร.
ศ.ดร. สุชาดา สุขหร่อง. 2563. "นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเภสัชกรรมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและทางสุขภาพอันเกิดจากพีเอ็ม 2.5". จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร.
ศ.ดร. สุชาดา สุขหร่อง. "นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเภสัชกรรมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและทางสุขภาพอันเกิดจากพีเอ็ม 2.5". จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563. กรุงเทพมหานคร.
ศ.ดร. สุชาดา สุขหร่อง. นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเภสัชกรรมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและทางสุขภาพอันเกิดจากพีเอ็ม 2.5. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2563. กรุงเทพมหานคร.