บทวิเคราะห์งานวิจัย

งานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมในพื้นที่สวนดุสิตและพื้นที่ต่อเนื่อง” นี้มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่สวนดุสิตโดยใช้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือหลัก งานวิจัยดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการระบุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คือ การพัฒนากิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม, การพัฒนาการตลาดเชิงคุณค่า, และการจัดทำแผนธุรกิจ วิธีการวิจัยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลากหลายกลุ่ม เช่น ชุมชน, ผู้ประกอบการ, หน่วยงานภาครัฐ และนักท่องเที่ยว นี่แสดงให้เห็นถึงความรอบคอบในการรวบรวมข้อมูลและความเข้าใจในบริบทของพื้นที่ศึกษา

การแบ่งงานวิจัยออกเป็นสองโครงการย่อย คือ การพัฒนากิจกรรมและการสร้างการตลาด นับเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการจัดการโครงการขนาดใหญ่ รวมทั้งการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นนักท่องเที่ยววัยสูงอายุหรือวัยเกษียณที่มีความสนใจในประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณคดี การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวชุมชน และงานศิลปะ ทำให้การวางแผนกลยุทธ์การตลาดแม่นยำขึ้น การกำหนดกลยุทธ์หลัก 3 กลยุทธ์ ได้แก่ การสร้างสรรค์กิจกรรม  การกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์  และการเตรียมความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในกระบวนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร

แนวคิด Art+Place+Human และการท่องเที่ยวแบบแบ่งปัน (Gift & Take) เป็นกรอบแนวคิดที่น่าสนใจ การนำเสนอเรื่องราวผ่านเทศกาล, กิจกรรม, อาหาร, ยา และความเชื่อ เป็นการสร้างเอกลักษณ์และความน่าสนใจให้กับการท่องเที่ยว การแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ประเภท คือ กิจกรรมในย่านนางเลิ้งและกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่ออกแบบร่วมกับชุมชน สะท้อนถึงความพยายามในการบูรณาการความต้องการของชุมชนเข้ากับกลยุทธ์การท่องเที่ยว การวางแผนการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการใช้สื่อประชาสัมพันธ์เชิงเรื่องเล่า (Storytelling) และ Virtual Tour แสดงถึงความทันสมัยและความเข้าใจในเทรนด์การตลาดปัจจุบัน

การประเมินต้นทุนและความเต็มใจจ่ายของนักท่องเที่ยว และการประมาณการรายได้ 1,205,000 บาท ในระยะเวลา 3 ปี เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถประเมินความเป็นไปได้ทางธุรกิจ แม้ว่าตัวเลขนี้จะเป็นเพียงการประมาณการ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน โดยรวมแล้ว งานวิจัยชิ้นนี้มีโครงสร้างที่เป็นระบบ วิธีการที่เหมาะสม และมีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ครอบคลุม เป็นงานวิจัยที่มีคุณค่าและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนอื่นๆ ต่อไป

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด

งานวิจัยนี้เหมาะสมอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและชุมชน เหตุผลหลักมาจากการที่งานวิจัยได้สร้างแผนธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การพัฒนากิจกรรม การตลาด การจัดการ จนถึงการประเมินความเป็นไปได้ทางธุรกิจ แผนธุรกิจนี้สามารถนำไปปรับใช้และขยายผลได้ในพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นอกจากนี้ การนำเสนอแนวคิดและกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การใช้สื่อดิจิทัล การสร้างเรื่องเล่า และการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่าง ก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การวิจัยนี้ยังสามารถนำไปใช้เป็นกรณีศึกษาหรือแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในอนาคตได้อีกด้วย

งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับบุคคลในหลากหลายอาชีพ อาทิ นักวางแผนการท่องเที่ยว, นักการตลาด, ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว, นักออกแบบกิจกรรม, ผู้ประกอบการชุมชน, นักวิจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม และเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนและการท่องเที่ยว สำหรับนักวางแผนการท่องเที่ยวและนักการตลาด งานวิจัยนี้เสนอแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและกลยุทธ์การตลาดที่เป็นรูปธรรม ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสามารถนำแผนธุรกิจไปปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ นักออกแบบกิจกรรมสามารถนำแนวคิดและไอเดียในการออกแบบกิจกรรมต่างๆ ไปสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการชุมชนสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจและสร้างรายได้ ส่วนนักวิจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม สามารถนำไปใช้ศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อชุมชน และเจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่ต่างๆ ได้