การประเมินความความสูญเสียเชิงสวัสดิการและทัศนคติต่อการประกันภัยหลังจากการเกิดอุทกภัยในประเทศไทย
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง “การประเมินความสูญเสียเชิงสวัสดิการและทัศนคติต่อการประกันภัยหลังจากการเกิดอุทกภัยในประเทศไทย” นี้ประกอบด้วยสองโครงการย่อยที่เกี่ยวเนื่องกัน โครงการแรกมุ่งเน้นการประเมินความสูญเสียเชิงสวัสดิการจากอุทกภัยในประเทศไทยโดยใช้ Contingent Valuation Method (CVM) ซึ่งเป็นวิธีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของสิ่งที่ดีหรือบริการที่ไม่ซื้อขายในตลาด งานวิจัยนี้เลือกใช้จังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่ศึกษา และได้พัฒนาแบบสอบถาม CVM ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อลดปัญหาการรายงานมูลค่าเป็นศูนย์ในขณะที่ความเสียหายมีอยู่จริง ผลการวิจัยพบว่ามูลค่าความสูญเสียเชิงสวัสดิการต่อครัวเรือนเฉลี่ยต่อปีสูงกว่ามูลค่าความเสียหายทางกายภาพที่ประเมินได้ และสูงกว่าการชดเชยจากภาครัฐ นี่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงกลไกการชดเชยความเสียหายจากภัยพิบัติของภาครัฐ อาจจะโดยการเพิ่มวงเงินชดเชยหรือการผลักดันให้มีการประกันภัยมากขึ้น
โครงการย่อยที่สองศึกษาพฤติกรรมการซื้อประกันภัยของประชาชนไทยหลังเกิดอุทกภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบผลกระทบของ "อคติอันเนื่องมาจากการมีอยู่หรือเข้าถึงข้อมูล" (Availability bias) ต่อความต้องการประกันภัย งานวิจัยพบว่าประชาชนมีความต้องการซื้อประกันภัยสูงกว่าที่แสดงออกในพฤติกรรมการซื้อจริงมาก และความต้องการนี้เพิ่มขึ้นหลังจากประสบภัยพิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎี Availability bias ที่ระบุว่าประสบการณ์ตรงจะเพิ่มความตระหนักและความกลัวต่อความเสี่ยง งานวิจัยยังศึกษาผลของการให้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัย พบว่าการอุดหนุนสามารถเพิ่มการซื้อประกันได้ นี่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการออกแบบนโยบายที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนซื้อประกันภัย เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินของภาครัฐในการเยียวยาผู้ประสบภัย
ทั้งสองโครงการย่อยเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว โครงการแรกให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดความเสียหายทางเศรษฐกิจที่แท้จริงจากอุทกภัย ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนและจัดการความเสี่ยง ในขณะที่โครงการที่สองเสนอแนวทางในการลดภาระของภาครัฐในการเยียวยาผู้ประสบภัยโดยการกระตุ้นการซื้อประกันภัย งานวิจัยนี้มีความสำคัญทั้งในเชิงนโยบายและเชิงวิชาการ ช่วยให้เห็นภาพความเสียหายจากอุทกภัยอย่างครบถ้วน และเสนอแนะกลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาเทคนิค CVM และการทดสอบทฤษฎีพฤติกรรมทางเศรษฐศาสตร์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่เพิ่มคุณค่าทางวิชาการให้กับงานวิจัยชิ้นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบและเปรียบเทียบ Availability bias กับ Gambler’s fallacy ซึ่งจะช่วยเติมเต็มความรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมมนุษย์เกี่ยวกับการรับมือกับความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมประกันภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกันภัยภัยธรรมชาติ ผลการวิจัยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อประกันภัยของประชาชนไทย ความต้องการที่แท้จริง และปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด และพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลความเสียหายจากอุทกภัยที่ได้จากการวิจัย ยังช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถประเมินความเสี่ยงและกำหนดเบี้ยประกันภัยได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากการขาดทุน และเพิ่มความยั่งยืนของธุรกิจ งานวิจัยนี้ยังมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการจัดการความเสี่ยง ซึ่งสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์และวางแผนการบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับนักเศรษฐศาสตร์ นักสถิติ นักวิจัยด้านการจัดการความเสี่ย์ นักวิชาการด้านภัยพิบัติ และผู้ที่ทำงานในหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ นักเศรษฐศาสตร์สามารถนำข้อมูลและวิธีการวิเคราะห์ในงานวิจัยนี้ไปใช้ในการศึกษาเรื่องการประเมินมูลค่าเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค และนโยบายสาธารณะ นักสถิติสามารถนำไปใช้ในการออกแบบการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างแบบจำลองทางสถิติ นักวิจัยด้านการจัดการความเสี่ยงสามารถนำไปใช้ในการศึกษา วิเคราะห์ และวางแผนการบริหารความเสี่ยง ส่วนหน่วยงานภาครัฐสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการกำหนดนโยบาย วางแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
| รหัสโครงการ : | 7240 |
| หัวหน้าโครงการ : | นายชินวัฒน์ หรยางกูร |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยบูรพา |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านสังคมศาสตร์ |
| ประเภทโครงการ : | แผนงาน หรือชุดโครงการ |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | Project 1 Evaluating household welfare loss from a natural disaster in Thailand Shinawat Horayangkura and Nuttaporn Rochanahastin Firstly, we apply a new CV survey (details in the section about CV of flood risk exposure reduction)to capture willingness-to-pay (WTP) as well as willingness-to-contribute (WTC) in order to eliminate probabilities that respondents report zero value whilst the actual value is positive. Secondly, we aim to investigate whether our CV method is consistent with theoretical explanations; for instance, WTP/WTC has a positive causal relationship with household income and assets. Thirdly, we estimate WTP/WTC of different sub-samples by different characteristics to compare WTP/WTC among groups. Lastly, we compare WTP/WTC with self-reported economic values of their physical loss from the recent flood. Project 2 Availability Bias and Perceptions toward Insurance: The Case of Thailand Shinawat Horayangkura and Nuttaporn Rochanahastin The main aims of this paper are, firstly, to test whether the availability bias affects insurance demand in Thai population. Secondly, to test whether government subsidies can push the insurance demand toward optimal behavior. |
นายชินวัฒน์ หรยางกูร. (2563). การประเมินความความสูญเสียเชิงสวัสดิการและทัศนคติต่อการประกันภัยหลังจากการเกิดอุทกภัยในประเทศไทย. มหาวิทยาลัยบูรพา. สงขลา, อุบลราชธานี.
นายชินวัฒน์ หรยางกูร. 2563. "การประเมินความความสูญเสียเชิงสวัสดิการและทัศนคติต่อการประกันภัยหลังจากการเกิดอุทกภัยในประเทศไทย". มหาวิทยาลัยบูรพา. สงขลา, อุบลราชธานี.
นายชินวัฒน์ หรยางกูร. "การประเมินความความสูญเสียเชิงสวัสดิการและทัศนคติต่อการประกันภัยหลังจากการเกิดอุทกภัยในประเทศไทย". มหาวิทยาลัยบูรพา, 2563. สงขลา, อุบลราชธานี.
นายชินวัฒน์ หรยางกูร. การประเมินความความสูญเสียเชิงสวัสดิการและทัศนคติต่อการประกันภัยหลังจากการเกิดอุทกภัยในประเทศไทย. มหาวิทยาลัยบูรพา; 2563. สงขลา, อุบลราชธานี.