กลุ่มข้อมูลด้านเกษตรศาสตร์

การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อยกระดับผลผลิตเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี

... 28 มีนาคม 2568
การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อยกระดับผลผลิตเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี
ภาพนี้สร้างโดย Image GPT เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568

บทวิเคราะห์งานวิจัย

งานวิจัยเรื่อง “การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อยกระดับผลผลิตเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี” นี้ เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเกษตรกรผู้ปลูกเมลอนในพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยนำเอาองค์ความรู้ทางด้านการเกษตรที่ทันสมัยมาผสมผสานกับภูมิปัญญาชาวบ้าน นั่นคือการนำวัสดุเหลือใช้ในชุมชนมาแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนการผลิต การใช้ระบบน้ำหยดก็เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมอย่างยิ่งกับพื้นที่ประสบภัยแล้ง ซึ่งเป็นการบูรณาการความรู้หลายแขนงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการเน้นการมีส่วนร่วมของเกษตรกรอย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่การอบรมถ่ายทอดความรู้ การสาธิตวิธีการปฏิบัติ จนถึงการติดตามผลหลังการอบรม ทำให้มั่นใจได้ว่าเกษตรกรสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง และเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม การประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบก่อนและหลังการอบรม รวมทั้งการสำรวจความพึงพอใจ ช่วยให้เห็นภาพความสำเร็จของโครงการอย่างชัดเจน ตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มพูนความรู้ของเกษตรกรหลังการอบรม และระดับความพึงพอใจที่สูง เป็นข้อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของการถ่ายทอดเทคโนโลยี นอกจากนี้ การเปรียบเทียบต้นทุนระหว่างการใช้ปุ๋ยเคมีกับปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้เกษตรกรหันมาใช้เทคโนโลยีใหม่

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น กลุ่มตัวอย่างมีขนาดค่อนข้างเล็ก (60 คน) อาจทำให้ขาดความแม่นยำในการสรุปผล และพื้นที่ศึกษาจำกัดเฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรี อาจไม่สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ได้กับพื้นที่อื่นๆ ที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ควรมีการขยายผลการวิจัยไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่มีความหลากหลายของสภาพแวดล้อม และเพิ่มขนาดกลุ่มตัวอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น นอกจากนี้ การติดตามผลควรมีระยะเวลายาวนานกว่านี้ เพื่อดูผลลัพธ์ในระยะยาว และควรมีการวิเคราะห์ผลกระทบอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ผลกระทบต่อคุณภาพดิน ผลผลิตของเมลอน และความยั่งยืนของระบบการผลิตในระยะยาว

แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่นี่เป็นงานวิจัยที่มีคุณค่า สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาได้อีกมาก การนำเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR ร่วมกับระบบน้ำหยด มาใช้ในการผลิตพืช เป็นแนวทางที่ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้ง และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร การศึกษาครั้งนี้จึงเป็นแบบอย่างที่ดีในการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาใช้ในการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน และแก้ไขปัญหาความยากจนในชนบท การศึกษาต่อยอดในอนาคตควรเน้นการพัฒนาสูตรปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและชนิดของพืชที่หลากหลาย เพื่อขยายผลการวิจัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมเกษตรกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตเมลอนและพืชผักอื่นๆ ในโรงเรือน เหตุผลหลักคือ งานวิจัยนี้ได้พัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตพืชได้หลากหลายชนิด ไม่จำกัดเฉพาะเมลอน นอกจากนี้ การใช้ระบบน้ำหยดก็เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในอุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีน้ำจำกัด ช่วยให้การผลิตพืชมีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยนี้จึงมีประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรกรรม โดยเฉพาะการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี

อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์การเกษตร เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ ระบบน้ำหยด และอุปกรณ์การปลูกพืชในโรงเรือน ก็สามารถนำผลการวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ได้ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของเกษตรกร และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืน

งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับเกษตรกรผู้ปลูกเมลอน และเกษตรกรผู้ปลูกพืชผักอื่นๆ ในโรงเรือน เนื่องจากงานวิจัยนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มความยั่งยืนในการผลิต เกษตรกรสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการผลิตปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR และการใช้ระบบน้ำหยด ไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพของตนได้โดยตรง ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ งานวิจัยยังเหมาะกับผู้ที่ทำงานด้านการส่งเสริมการเกษตร เช่น เจ้าหน้าที่เกษตร วิทยากร หรือที่ปรึกษาการเกษตร เพราะสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการอบรม ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือเกษตรกรได้

 

สร้างบทวิเคราะห์โดย Gemini เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568
รหัสโครงการ : 173795
หัวหน้าโครงการ : ผศ. ดร. ณัฐบดี วิริยาวัฒน์
ปีงบประมาณ : 2565
หน่วยงาน : มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
สาขาวิจัย : กลุ่มข้อมูลด้านเกษตรศาสตร์
ประเภทโครงการ : โครงการเดี่ยว
สถานะ : ปิดโครงการ
คำสำคัญ :
วัตถุประสงค์ : 1. เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อเพิ่มผลผลิตและความหวานของเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี2. เพื่อลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีในการปลูกเมล่อนในโรงเรือนของเกษตรกรในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี

ผศ. ดร. ณัฐบดี วิริยาวัฒน์. (2565). การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อยกระดับผลผลิตเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. สุพรรณบุรี.

ผศ. ดร. ณัฐบดี วิริยาวัฒน์. 2565. "การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อยกระดับผลผลิตเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี". มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. สุพรรณบุรี.

ผศ. ดร. ณัฐบดี วิริยาวัฒน์. "การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อยกระดับผลผลิตเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี". มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2565. สุพรรณบุรี.

ผศ. ดร. ณัฐบดี วิริยาวัฒน์. การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ PGPR จากวัสดุเหลือทิ้งในชุมชน ร่วมกับระบบน้ำหยด เพื่อยกระดับผลผลิตเมล่อน ในโรงเรือน ในพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้ง จังหวัดสุพรรณบุรี. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต; 2565. สุพรรณบุรี.

Creative Commons : CC

Creative Commons
Attribution ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มา