การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เส้นใยอิเล็กโตรสปันพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอทจาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 เป็นวัสดุปิดแผล
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เส้นใยอิเล็กโตรสปันพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอท (PHA) ผสมกับพอลิไวนิไลดีนฟลูออไรด์ (PVDF) จากแบคทีเรีย Novosphingobium sp. THA_AIK7 เป็นวัสดุปิดแผล งานวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การขยายการผลิต PHA ในระบบกะ, การสกัด PHA แบบต่อเนื่อง, การขึ้นรูปเส้นใยผสม PHA/PVDF ด้วยเทคนิค electrospinning และการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เป็นวัสดุปิดแผล โดยประเมินคุณสมบัติทางกายภาพ, ความร้อน และชีวภาพ
การขยายการผลิต PHA ในระบบกะขนาด 50 ลิตรเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างวัสดุในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการทดลอง การสกัด PHA แบบต่อเนื่องเป็นเทคนิคที่สำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การใช้เทคนิค electrospinning ช่วยให้สามารถสร้างเส้นใยที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางในระดับนาโนเมตร ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานเป็นวัสดุปิดแผล เช่น พื้นที่ผิวสัมผัสที่สูง
ผลการทดลองพบว่า เส้นใยผสม PHA/PVDF ที่ได้มีขนาดเส้นใยและความหนาแน่นไม่สม่ำเสมอ มีลักษณะเป็นปุ่มปม ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งาน แม้ว่าเส้นใยจะมีความทนทานต่อแรงดึงในระดับหนึ่ง แต่ก็มีค่าการยืดตัวค่อนข้างต่ำ คุณสมบัติการไม่ชอบน้ำสูงของเส้นใยอาจเป็นข้อดีในการป้องกันการติดเชื้อ แต่ก็อาจทำให้การดูดซับของเหลวจากแผลไม่ดีนัก จุดอ่อนสำคัญคือ เส้นใยไม่มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญสำหรับวัสดุปิดแผล อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบความเข้ากันได้ทางชีวภาพแสดงให้เห็นว่า เซลล์ Vero MDCK, L-929 และ Keratinocyte สามารถยึดเกาะและเจริญเติบโตได้ดีบนเส้นใยผสม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อ แต่เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของเซลล์ Keratinocyte ค่อนข้างต่ำ อาจบ่งบอกถึงปัญหาบางประการที่ต้องได้รับการพิจารณาเพิ่มเติม
งานวิจัยชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของเส้นใย PHA/PVDF ในฐานะวัสดุปิดแผล แต่ยังมีข้อจำกัดหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไข เช่น การปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้เส้นใยที่มีความสม่ำเสมอมากขึ้น, การเพิ่มคุณสมบัติการชอบน้ำ และการเสริมคุณสมบัติการต้านจุลชีพ การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มสารต้านจุลชีพลงในเส้นใย หรือการเคลือบสารต้านจุลชีพบนผิวเส้นใย อาจช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ นอกจากนี้ การศึกษาความเป็นพิษระยะยาวและผลกระทบต่อการสมานแผลในสัตว์ทดลองขนาดใหญ่ก็มีความจำเป็น การวิจัยเพิ่มเติมในด้านเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและศักยภาพในการนำผลงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุทางการแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ เหตุผลหลักคือ ผลลัพธ์ของงานวิจัยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและผลิตวัสดุปิดแผลชนิดใหม่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูงในตลาด นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ในการผลิต (PHA และ PVDF) มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมการแพทย์ที่เน้นความยั่งยืน การพัฒนาเส้นใยระดับนาโนยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและเป็นที่ต้องการอย่างมากในอุตสาหกรรมนี้ การผลิตวัสดุปิดแผลที่มีคุณภาพสูงและราคาไม่แพงจะช่วยให้สามารถเข้าถึงการรักษาแผลได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา นวัตกรรมนี้ยังสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาแผลได้อีกด้วย
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพนักวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, วิศวกรรมชีวภาพ, วิศวกรรมวัสดุ, และแพทย์ นักวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพสามารถนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาและชีวเคมีมาใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์แบคทีเรียสำหรับการผลิต PHA วิศวกรชีวภาพและวิศวกรวัสดุมีความรู้และทักษะในการออกแบบและปรับปรุงกระบวนการผลิต PHA และการขึ้นรูปเส้นใยด้วยเทคนิค electrospinning แพทย์สามารถประเมินความเหมาะสมและประสิทธิภาพของวัสดุปิดแผลในการใช้งานจริงได้ นอกจากนี้ อาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเช่น นักเทคโนโลยีการแพทย์ เภสัชกร และนักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการก็สามารถมีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้ได้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่หลากหลายจะช่วยให้สามารถพัฒนางานวิจัยนี้ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
| รหัสโครงการ : | 7218 |
| หัวหน้าโครงการ : | นางสาวจันทิมา ฑีฆะ |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1. เพื่อขยายขนาดการผลิต PHA จาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 ในระบบกะ ในถังปฏิกรณ์ชีวภาพขนาด 50 ลิตร 2. เพื่อศึกษาการสกัด PHA แบบต่อเนื่อง จาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 ในถังสกัดต้นแบบ 3. เพื่อศึกษาการขึ้นรูปเส้นใยผสมของ PHA/PVDF ด้วยเทคนิค electrospinning 4. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ในการใช้ PHA/PVDF จาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 เป็นวัสดุรักษาแผล |
นางสาวจันทิมา ฑีฆะ. (2563). การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เส้นใยอิเล็กโตรสปันพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอทจาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 เป็นวัสดุปิดแผล. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. นนทบุรี, ปทุมธานี.
นางสาวจันทิมา ฑีฆะ. 2563. "การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เส้นใยอิเล็กโตรสปันพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอทจาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 เป็นวัสดุปิดแผล". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. นนทบุรี, ปทุมธานี.
นางสาวจันทิมา ฑีฆะ. "การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เส้นใยอิเล็กโตรสปันพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอทจาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 เป็นวัสดุปิดแผล". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, 2563. นนทบุรี, ปทุมธานี.
นางสาวจันทิมา ฑีฆะ. การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เส้นใยอิเล็กโตรสปันพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอทจาก Novosphingobium sp. THA_AIK7 เป็นวัสดุปิดแผล. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี; 2563. นนทบุรี, ปทุมธานี.