กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

การสังเคราะห์แกรฟีนโฟมจากขยะพลาสติกเพื่อใช้เป็นแผ่นดักจับฝุ่น PM2.5

... 16 กุมภาพันธ์ 2568

บทวิเคราะห์งานวิจัย

งานวิจัยนี้ศึกษาการสังเคราะห์แกรฟีนโฟมจากขยะพลาสติกเพื่อใช้เป็นแผ่นดักจับฝุ่น PM2.5 โดยใช้วิธีการเคลือบผิวด้วยไอเคมี (Chemical Vapor Deposition หรือ CVD) บนพื้นผิวของนิกเกิลโฟม จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการนำขยะพลาสติกมาใช้เป็นแหล่งคาร์บอนในการสังเคราะห์แกรฟีน ซึ่งเป็นแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ขยะหลอดพลาสติกและขวดพลาสติกเป็นแหล่งคาร์บอนนั้นน่าสนใจ เนื่องจากเป็นขยะพลาสติกที่พบได้ทั่วไปและมีปริมาณมาก ทำให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า

กระบวนการสังเคราะห์แกรฟีนโฟมนั้น ได้มีการทดลองปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่างๆ เช่น อุณหภูมิและเวลาในการสังเคราะห์ รวมถึงปริมาณของขยะพลาสติกที่ใช้ เพื่อหาเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุด ผลการวิจัยพบว่าอุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส เวลา 30 นาที และปริมาณขยะหลอดพลาสติก 0.5 กรัม เป็นเงื่อนไขที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความละเอียดรอบคอบในการออกแบบการทดลองและการวิเคราะห์ผล การได้มาซึ่งแกรฟีนโฟมที่มีความหนา 1.6 มิลลิเมตร ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญ เนื่องจากความหนาของวัสดุมีผลต่อประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละออง

นอกจากนี้ งานวิจัยยังได้ทดสอบประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่น PM1, PM2.5 และ PM10 และพบว่ามีประสิทธิภาพเฉลี่ยสูงถึง 81.74%, 82.69% และ 81.58% ตามลำดับ ค่าประสิทธิภาพที่สูงนี้บ่งชี้ถึงศักยภาพของแกรฟีนโฟมในการเป็นวัสดุกรองฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง การทดสอบความพรุนด้วยเทคนิค mercury intrusion porosimetry (MIP) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่าความพรุนสูงถึง 96.61% เป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญ เนื่องจากความพรุนสูงทำให้แกรฟีนโฟมมีการระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ส่งผลให้ค่าตัวประกอบคุณภาพ (quality factor) เข้าใกล้อนันต์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พึงประสงค์ของวัสดุกรองฝุ่น เพราะจะช่วยลดแรงดันตกคร่อมขณะที่ยังคงประสิทธิภาพในการกรองสูงไว้

อีกหนึ่งจุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการศึกษาการแปรรูปกากของเสีย FeCl3 ที่เกิดจากกระบวนการสังเคราะห์แกรฟีน ให้เป็นวัสดุที่มีมูลค่าสูง เช่น แกรฟีนผงและแกรฟีนผงหุ้มโลหะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการใช้ประโยชน์จากของเสียอย่างเต็มที่ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสาธิตการใช้แกรฟีนผงหุ้มโลหะในการดักจับสารอินทรีย์ที่ปนเปื้อนในน้ำ และการแยกแกรฟีนผงหุ้มโลหะจากน้ำโดยการใช้แม่เหล็ก เป็นการขยายขอบเขตการใช้งานของวัสดุที่ได้จากงานวิจัยนี้ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้มีความสมบูรณ์ ครอบคลุมขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การสังเคราะห์ การทดสอบประสิทธิภาพ และการจัดการของเสีย ผลลัพธ์ที่ได้มีความน่าสนใจและมีศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ทั้งในด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมหลายประเภท เนื่องจากผลลัพธ์ของงานวิจัยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น:

  • อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม: แกรฟีนโฟมที่สามารถดักจับฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้ผลิตเป็นแผ่นกรองอากาศ สำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ระบบปรับอากาศ หรือแม้แต่ในเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ การนำขยะพลาสติกมาใช้ประโยชน์ ยังสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน

  • อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุ: แกรฟีนโฟมและแกรฟีนผงที่ได้จากงานวิจัยนี้ สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตวัสดุใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ความแข็งแรงสูง ความยืดหยุ่นสูง และการนำไฟฟ้าที่ดี ซึ่งสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

  • อุตสาหกรรมน้ำ: แกรฟีนผงหุ้มโลหะสามารถนำไปใช้ในการดักจับสารอินทรีย์ในน้ำเสีย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการบำบัดน้ำเสียและการอนุรักษ์น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำเสียและการปนเปื้อนของสารอินทรีย์

งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับบุคลากรในหลายอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  • นักวิจัยด้านวัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี: งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงทดลองที่ต้องใช้ความรู้และทักษะทางด้านวัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี การวิเคราะห์ผลการทดลองและการตีความข้อมูล มีความสำคัญต่อความสำเร็จของงานวิจัย อาชีพนักวิจัยจึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง

  • วิศวกรเคมี: การสังเคราะห์แกรฟีนโฟมโดยวิธี CVD จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะทางด้านวิศวกรรมเคมี รวมถึงการออกแบบและควบคุมกระบวนการทางเคมี วิศวกรเคมีสามารถนำความรู้ความสามารถมาพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการสังเคราะห์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม: งานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การลดปัญหาขยะพลาสติกและการลดมลพิษทางอากาศ นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • วิศวกรสิ่งแวดล้อม: วิศวกรสิ่งแวดล้อมสามารถนำแกรฟีนโฟมไปออกแบบและสร้างระบบกรองอากาศหรือระบบบำบัดน้ำที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการวิเคราะห์วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สร้างบทวิเคราะห์โดย Gemini เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568
การสังเคราะห์แกรฟีนโฟมจากขยะพลาสติกเพื่อใช้เป็นแผ่นดักจับฝุ่น PM2.5
ภาพนี้สร้างโดย Image GPT เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568
รหัสโครงการ : 7151
หัวหน้าโครงการ : รศ. ดร. อรรฆวัชร รวมไมตรี
ปีงบประมาณ : 2563
หน่วยงาน : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สาขาวิจัย : กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
ประเภทโครงการ : โครงการเดี่ยว
สถานะ : ปิดโครงการ
คำสำคัญ :
วัตถุประสงค์ : - เพื่อศึกษาการสังเคราะห์แกรฟีนโฟมโดยวิธีการเคลือบผิวด้วยไอเคมีโดยใช้ขยะพลาสติกเป็นแหล่งคาร์บอน- เพื่อศึกษาคุณลักษณะและคุณสมบัติของแกรฟีนโฟม เช่น สัณฐาน คุณภาพ และการดักจับฝุ่น PM2.5 เป็นต้น

รศ. ดร. อรรฆวัชร รวมไมตรี. (2563). การสังเคราะห์แกรฟีนโฟมจากขยะพลาสติกเพื่อใช้เป็นแผ่นดักจับฝุ่น PM2.5. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร, ขอนแก่น, จันทบุรี, เชียงใหม่, นครราชสีมา, ปทุมธานี, สงขลา.

รศ. ดร. อรรฆวัชร รวมไมตรี. 2563. "การสังเคราะห์แกรฟีนโฟมจากขยะพลาสติกเพื่อใช้เป็นแผ่นดักจับฝุ่น PM2.5". มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร, ขอนแก่น, จันทบุรี, เชียงใหม่, นครราชสีมา, ปทุมธานี, สงขลา.

รศ. ดร. อรรฆวัชร รวมไมตรี. "การสังเคราะห์แกรฟีนโฟมจากขยะพลาสติกเพื่อใช้เป็นแผ่นดักจับฝุ่น PM2.5". มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2563. กรุงเทพมหานคร, ขอนแก่น, จันทบุรี, เชียงใหม่, นครราชสีมา, ปทุมธานี, สงขลา.

รศ. ดร. อรรฆวัชร รวมไมตรี. การสังเคราะห์แกรฟีนโฟมจากขยะพลาสติกเพื่อใช้เป็นแผ่นดักจับฝุ่น PM2.5. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2563. กรุงเทพมหานคร, ขอนแก่น, จันทบุรี, เชียงใหม่, นครราชสีมา, ปทุมธานี, สงขลา.

Creative Commons : CC

Creative Commons
Attribution ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มา

รายการที่เกี่ยวข้อง