การใช้โฟลวไซโตเมทตรีเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อมเอ็มดีเอส
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้ศึกษาประสิทธิภาพของเทคนิค Multiparameter flow cytometry ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อม (Myelodysplastic syndromes: MDS) ซึ่งเป็นโรคมะเร็งในไขกระดูกที่มีความซับซ้อนและการวินิจฉัยที่ท้าทาย งานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนา panel ของแอนติเจนบนผิวเซลล์ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจ flow cytometry และการกำหนดเกณฑ์การแสดงออกของแอนติเจนเหล่านั้นเพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความผิดปกติของการแสดงออกของแอนติเจนกับการกลายพันธุ์ของยีน
วิธีการวิจัยใช้กลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยที่มีภาวะเม็ดเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุจำนวน 48 ราย ผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับการวินิจฉัยโรค MDS ตามเกณฑ์ WHO 2016 โดยใช้ข้อมูลจากประวัติทางคลินิก การตรวจร่างกาย การตรวจไขกระดูก และการตรวจโครโมโซม จากนั้นจึงทำการตรวจ flow cytometry โดยใช้พารามิเตอร์ที่เลือกมาอย่างระมัดระวัง ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าการใช้ Multiparameter flow cytometry มีความไวสูง (100% เมื่อใช้เกณฑ์คะแนนมากกว่า 0 คะแนน) และความจำเพาะที่ดี (83% เมื่อใช้เกณฑ์คะแนนมากกว่า 0 คะแนน, 100% เมื่อใช้เกณฑ์คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 3 คะแนน) ในการวินิจฉัย MDS ค่าการทำนายเชิงลบ (NPV) และค่าการทำนายเชิงบวก (PPV) ก็อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ พารามิเตอร์สำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ %CD34, อัตราส่วนของ SCC granulocyte / lymphocyte, CD13CD16, CD11bCD13, CD11bCD16 และ CD71CD235a งานวิจัยยังได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของผลการวิจัยโดยการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างอีก 45 ราย ซึ่งพบผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน
นอกจากนี้ งานวิจัยยังศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการแสดงออกของแอนติเจนบนผิวเซลล์กับการกลายพันธุ์ของยีนในผู้ป่วย 51 ราย (55% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด) พบว่าการกลายพันธุ์ของยีนมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการวินิจฉัยโรค MDS การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าการตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนสามารถใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการวินิจฉัยโรค MDS โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผลการตรวจ flow cytometry ไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของงานวิจัยนี้คือขนาดตัวอย่างที่ค่อนข้างเล็กและการศึกษาเน้นเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะเม็ดเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อยืนยันผลการวิจัยและประเมินประสิทธิภาพของเทคนิค flow cytometry ในกลุ่มประชากรอื่นๆ นอกจากนี้ การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการกลายพันธุ์ของยีนและการแสดงออกของแอนติเจนบนผิวเซลล์ยังต้องมีการขยายขอบเขตการศึกษาให้ครอบคลุมยีนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรค MDS แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ งานวิจัยนี้ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Multiparameter flow cytometry ในการเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวินิจฉัย MDS และสามารถใช้ร่วมกับการตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย การใช้เกณฑ์คะแนนที่กำหนดไว้ในงานวิจัยนี้สามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมการแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและผลิตชุดตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ เหตุผลก็คือ:
-
การพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัย: งานวิจัยนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้ flow cytometry ในการวินิจฉัย MDS ข้อมูลนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทที่ผลิตชุดตรวจทางการแพทย์สามารถนำผลการวิจัยนี้ไปปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
-
การวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์: ข้อมูลจากงานวิจัยนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์หรืออัลกอริธึมในการวิเคราะห์ข้อมูล flow cytometry เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
-
การให้บริการทางการแพทย์: โรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์สามารถนำเทคนิคและเกณฑ์การวินิจฉัยจากงานวิจัยนี้ไปใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค MDS ในผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยในการรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
การวิจัยและพัฒนา: บริษัทหรือสถาบันที่ทำการวิจัยด้านมะเร็งเลือดสามารถนำข้อมูลจากงานวิจัยนี้ไปต่อยอดในการวิจัยเพื่อค้นพบวิธีการรักษาและป้องกันโรค MDS ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา รวมถึง:
-
แพทย์โรคเลือด (Hematologist): แพทย์โรคเลือดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากงานวิจัยนี้เนื่องจากสามารถนำเทคนิคและเกณฑ์การวินิจฉัยไปใช้ในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วย MDS
-
นักพยาธิวิทยา (Pathologist): นักพยาธิวิทยาสามารถนำความรู้จากงานวิจัยนี้ไปใช้ในการตีความผลการตรวจ flow cytometry เพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยโรค MDS
-
นักวิจัยทางการแพทย์: นักวิจัยทางการแพทย์สามารถนำข้อมูลจากงานวิจัยนี้ไปใช้ในการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกการเกิดโรค MDS และการพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ๆ
-
นักเทคนิคการแพทย์ (Medical Technologist): นักเทคนิคการแพทย์ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการจะได้ใช้ความรู้และทักษะในการดำเนินการตรวจ flow cytometry การทำความเข้าใจผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ และการรายงานผลอย่างถูกต้อง
| รหัสโครงการ : | 7344 |
| หัวหน้าโครงการ : | รศ.พญ. จันทนา ผลประเสริฐ |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านเกษตรศาสตร์ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | เพื่อพัฒนาการตรวจ flow cytometry ให้นำไปใช้ช่วยในการตรวจวินิจฉัยสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อมเอ็มดีเอสได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม โดยหา panel ที่เหมาะสมเพื่อนำไปในการใช้ตรวจ และหาเกณฑ์การแสดงออกของแอนติเจนในการวินิจฉัยโรคที่ชัดเจน เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของความผิดปกติของการแสดงออกของแอนติเจนบนผิวเซลล์ในโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อมเอ็มดีเอสโดยวิธี flow cytometry กับการกลายพันธุ์ของยีน |
รศ.พญ. จันทนา ผลประเสริฐ. (2563). การใช้โฟลวไซโตเมทตรีเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อมเอ็มดีเอส. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร.
รศ.พญ. จันทนา ผลประเสริฐ. 2563. "การใช้โฟลวไซโตเมทตรีเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อมเอ็มดีเอส". จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร.
รศ.พญ. จันทนา ผลประเสริฐ. "การใช้โฟลวไซโตเมทตรีเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อมเอ็มดีเอส". จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563. กรุงเทพมหานคร.
รศ.พญ. จันทนา ผลประเสริฐ. การใช้โฟลวไซโตเมทตรีเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็งไขกระดูกเสื่อมเอ็มดีเอส. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2563. กรุงเทพมหานคร.