การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง "การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย" มุ่งเน้นการสร้างและเผยแพร่ความรู้เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนดอยผาหมีอย่างยั่งยืน โดยอาศัยการจัดการความรู้ (Knowledge Management) เป็นเครื่องมือหลัก งานวิจัยนี้มีความสำคัญและน่าสนใจในหลายแง่มุม
ประการแรก งานวิจัยนี้ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการกระจายรายได้สู่ชุมชน และการอนุรักษ์ทรัพยากร งานวิจัยไม่ได้มองเพียงแค่การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการพัฒนาชุมชนอย่างรอบด้าน รวมถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การเลือกชุมชนดอยผาหมีเป็นพื้นที่ศึกษาเป็นการเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นชุมชนที่มีศักยภาพในการเติบโตทางการท่องเที่ยว แต่ยังขาดการจัดการอย่างเป็นระบบ การศึกษานี้จึงมีโอกาสสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนอย่างแท้จริง
ประการที่สอง วิธีการวิจัยที่ใช้เป็นกระบวนการจัดการความรู้ 7 ขั้นตอนของวิจารณ์ พานิช (2548) ซึ่งเป็นวิธีการที่ครอบคลุม เริ่มจากการระบุความต้องการความรู้ การแสวงหาความรู้ทั้งจากภายในและภายนอกชุมชน การประมวลและกลั่นกรองความรู้ การจัดระบบความรู้ การเข้าถึงความรู้ การแลกเปลี่ยนความรู้ และการเรียนรู้ กระบวนการนี้ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน สร้างความเป็นเจ้าของ และทำให้ความรู้ที่ได้มีความยั่งยืนและสามารถนำไปใช้ได้จริง นอกจากนี้ การนำกรณีศึกษาจากพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูลมโล มาเป็นตัวอย่างเพื่อถอดบทเรียน ช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของงานวิจัย และทำให้สามารถปรับใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับบริบทของดอยผาหมีได้
ประการที่สาม งานวิจัยนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การรวบรวมและเผยแพร่ความรู้ แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ การอบรมบุคลากร และการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นกลุ่มเยาวชน เพื่อให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว การสร้างคู่มือความรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ความรู้สามารถถ่ายทอดและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาถึงความร่วมมือระหว่างชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในระบบนิเวศของการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การศึกษาอาจเน้นข้อมูลเชิงคุณภาพเป็นหลัก อาจขาดข้อมูลเชิงปริมาณที่ช่วยในการวิเคราะห์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น การศึกษาเน้นเฉพาะชุมชนดอยผาหมี อาจไม่สามารถสรุปหรือขยายผลไปสู่ชุมชนอื่นได้อย่างทั่วไป แต่ถึงกระนั้น งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นงานวิจัยที่มีคุณค่า สามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบ และปรับใช้ให้เหมาะสมกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความคล้ายคลึงกันกับดอยผาหมี เช่น ชุมชนท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียง หรือชุมชนที่มีความต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เหตุผลสำคัญคือ งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน โดยการสร้างและจัดการความรู้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ การสร้างคู่มือความรู้ การพัฒนาบุคลากร และการสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชน เป็นกลยุทธ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ งานวิจัยยังสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการตลาด และการสร้างแบรนด์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาถึงการสร้างความร่วมมือกับสายการบินและหน่วยงานภาครัฐเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในการทำงานร่วมกันในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับบุคคลในหลายอาชีพ อาทิเช่น นักวิจัยด้านการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวชุมชน เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว นักวางแผนการท่องเที่ยว และมัคคุเทศก์ เหตุผลคือ งานวิจัยนี้เสนอแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบุคคลเหล่านี้ในด้านการทำงาน นักวิจัยสามารถนำงานวิจัยนี้ไปต่อยอด หรือใช้เป็นกรอบในการศึกษาในพื้นที่อื่น ผู้ประกอบการสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการจัดการความรู้ การตลาด และการพัฒนาบุคลากร ไปปรับใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจของตนเอง เจ้าหน้าที่ภาครัฐสามารถนำไปใช้ในการกำหนดนโยบาย และสนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน นักวางแผนการท่องเที่ยวสามารถนำไปใช้ในการออกแบบโปรแกรมท่องเที่ยว และมัคคุเทศก์สามารถนำความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ของชุมชนดอยผาหมีไปใช้ในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
| รหัสโครงการ : | 38190 |
| หัวหน้าโครงการ : | ผศ.ดร. น้ำทิพย์ เสมอเชื้อ |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยพะเยา |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านเกษตรศาสตร์ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1.เพื่อค้นหาและรวบรวมองค์ความรู้เกียวกับการจัดการแหล่งท่องเที่ยว สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชนดอยผาหมี จังหวัดเชียงราย 2. เพื่อศึกษากลไกสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชนดอยผาหมี จังหวัดเชียงราย 3. เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแก่กลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องในชุมชนดอยผาหมี จังหวัดเชียงราย |
ผศ.ดร. น้ำทิพย์ เสมอเชื้อ. (2563). การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย. มหาวิทยาลัยพะเยา. .
ผศ.ดร. น้ำทิพย์ เสมอเชื้อ. 2563. "การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย". มหาวิทยาลัยพะเยา. .
ผศ.ดร. น้ำทิพย์ เสมอเชื้อ. "การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย". มหาวิทยาลัยพะเยา, 2563. .
ผศ.ดร. น้ำทิพย์ เสมอเชื้อ. การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย. มหาวิทยาลัยพะเยา; 2563. .