ระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบที่ 2
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งพัฒนาและปรับปรุงระบบ iMap Platform ของ GISTDA ซึ่งเดิมใช้ในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับผู้ใช้งานจำนวนมากขึ้น และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ได้อย่างละเอียดแม่นยำ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายและการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น งานวิจัยเน้นการขยายขีดความสามารถของระบบเดิมให้รองรับผู้ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 1,200 คนทั่วประเทศจากเดิมที่จำกัดอยู่ที่ 200 คน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมากในการเข้าถึงข้อมูลและการใช้งานร่วมกัน
นอกเหนือจากการเพิ่มขีดความสามารถด้านจำนวนผู้ใช้งานแล้ว งานวิจัยยังมุ่งเน้นการพัฒนาฟังก์ชันการวิเคราะห์เชิงพื้นที่อย่างลึกซึ้ง โดยเลือก 5 จังหวัดตัวอย่าง (เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ชลบุรี และภูเก็ต) ซึ่งมีความหลากหลายทางด้านภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ และสาธารณสุข เพื่อสร้างแบบจำลองการวิเคราะห์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในพื้นที่อื่นๆ การวิเคราะห์นี้ประกอบด้วยการพัฒนาดัชนีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโควิด-19 (COVID-19 Safety Index) ซึ่งพิจารณาจากปัจจัย 4 มิติ ได้แก่ สถานการณ์การติดเชื้อ ศักยภาพระบบสาธารณสุข ความหนาแน่นประชากร และการกระจายวัคซีน การพัฒนาดัชนีนี้ช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงและความปลอดภัยในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ และนำไปสู่การวางแผนการบริหารจัดการที่ตรงจุด
อีกมิติหนึ่งของงานวิจัยคือการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การวิเคราะห์นี้ประกอบด้วยการสร้างฉากทัศน์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระดับต่างๆ (5%, 10%, 15%) เพื่อช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถวางแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจาก 12 สาขาธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวถูกนำมาใช้ในการจำลองสถานการณ์เพื่อประเมินผลกระทบและวางแผนกลยุทธ์การฟื้นฟู การออกแบบระบบข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Data) และการเชื่อมโยงข้อมูลจาก iMap Platform กับข้อมูลจากหน่วยงานในจังหวัดต่างๆ เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้การวิเคราะห์มีความครอบคลุมและแม่นยำ
จากการทดลองใช้งานใน 5 จังหวัดตัวอย่าง ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าระบบได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของดัชนีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโควิด-19 และการแสดงภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งช่วยให้การบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการคาดการณ์รายได้ภาคการท่องเที่ยวก็เป็นที่น่าพึงพอใจ เนื่องจากช่วยให้วางแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งานที่สำคัญคือการพัฒนาต่อยอดเป็น Mobile Application เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานในพื้นที่จริง โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการพัฒนาและปรับปรุงระบบ iMap Platform ให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดและการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อื่นๆ ที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ได้อีกด้วย
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ (GIS) เนื่องจากงานวิจัยนี้ได้พัฒนาและปรับปรุงระบบ iMap Platform ซึ่งเป็นระบบ GIS ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่ในหลายๆ ด้าน นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ยังเหมาะกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เนื่องจากได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ในภาคการท่องเที่ยว และได้สร้างแบบจำลองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์การฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ อุตสาหกรรมสาธารณสุขก็สามารถนำงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาด เนื่องจากงานวิจัยนี้ได้พัฒนาดัชนีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการประเมินความเสี่ยงและวางแผนการป้องกันโรคได้
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับบุคลากรในหลายอาชีพ อาชีพแรกคือ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) เนื่องจากงานวิจัยนี้เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่จำนวนมาก และการสร้างแบบจำลองทางสถิติ ผู้เชี่ยวชาญด้าน GIS ก็เป็นอีกอาชีพที่เหมาะสม เพราะงานวิจัยนี้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและปรับปรุงระบบ GIS ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขก็สามารถนำความรู้จากงานวิจัยนี้ไปใช้ในการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดได้ นักวางแผนเมือง และนักเศรษฐศาสตร์ ก็สามารถนำงานวิจัยนี้ไปใช้ในการวางแผนพัฒนาเมืองและการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสาธารณสุข และการท่องเที่ยว ก็สามารถนำงานวิจัยนี้ไปใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
| รหัสโครงการ : | 106365 |
| หัวหน้าโครงการ : | นายตติยะ ชื่นตระกูล |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1. เพื่อขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับการประมวลผลระบบบูรณาการเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19: COVID-19 iMap Platform สำหรับใช้ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ออกมาตรการและบริหารสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกันในทุกระดับ ทั้งหน่วยงานส่วนกลางและภูมิภาค2. เพื่อให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานสามารถรองรับเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน 300 ผู้ใช้งาน จากเดิม 200 ผู้ใช้งาน รวมเป็นไม่น้อยกว่า 500 ผู้ใช้งาน เพื่อรองผู้ใช้งานไม่น้อยกว่า 1,200 ผู้ใช้งานทั่วประเทศ3 เพื่อพัฒนาต่อยอด i-Map Platform ให้เป็นเครื่องมือสำหรับการตัดสินใจในการออกมาตรการ และบริหารสถานการณ์เชิงพื้นที่ ในพื้นที่ตัวอย่าง 5 จังหวัด เมื่อมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง4. มีจังหวัดต้นแบบ 5 จังหวัด ที่ใช้ Dashboard จาก i-Map Platform เพื่อการบริหารจัดการการท่องเที่ยวและสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด - 19 ได้อย่างสมดุล |
นายตติยะ ชื่นตระกูล. (2563). ระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบที่ 2. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). .
นายตติยะ ชื่นตระกูล. 2563. "ระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบที่ 2". สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). .
นายตติยะ ชื่นตระกูล. "ระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบที่ 2". สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน), 2563. .
นายตติยะ ชื่นตระกูล. ระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบที่ 2. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน); 2563. .