กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ

ผลของสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ233 ต่อการเจ็บปวดเรื้อรังในแบบจำลองของโรคข้อต่อขากรรไกรที่เกิดขึ้นในสัตว์ทดลอง

... 26 กุมภาพันธ์ 2568
ผลของสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ233 ต่อการเจ็บปวดเรื้อรังในแบบจำลองของโรคข้อต่อขากรรไกรที่เกิดขึ้นในสัตว์ทดลอง
ภาพนี้สร้างโดย Image GPT เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

บทวิเคราะห์งานวิจัย

งานวิจัยนี้ศึกษาผลของสารสกัดมาตรฐานบัวบก (ECA 233) ต่อการบรรเทาอาการปวดเรื้อรังจากโรคข้อต่อขากรรไกร (Temporomandibular Joint Disorder: TMD) ในหนูทดลอง การใช้หนูทดลองที่ฉีดสาร CFA เพื่อจำลองอาการ TMD เป็นวิธีการที่เหมาะสม เนื่องจาก CFA สามารถกระตุ้นการอักเสบและความเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถศึกษาผลของสารสกัดบัวบกได้อย่างแม่นยำ การแบ่งกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ได้รับยาอิบูโพรเฟน (ยาแก้ปวดต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) และกลุ่มที่ได้รับสารสกัดบัวบกในขนาดต่างๆ (30, 100 และ 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม) ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารสกัดบัวบกกับยาแผนปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประเมินผลการรักษาใช้หลายวิธี รวมถึงการทดสอบพฤติกรรมความเจ็บปวดด้วยการใช้ลม วอนเฟรย์ และอะซิโตนเย็น ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับในวงการวิจัย การวัดโครงสร้างและความหนาแน่นของกระดูกข้อต่อขากรรไกร และการศึกษาการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับระบบการรับรู้ความรู้สึกบริเวณใบหน้าและขากรรไกร (เช่น ปมประสาทไทรเจลมินัลและนิวเคลียสของไทรเจลมินัสคอดัลิส) ช่วยให้เข้าใจกลไกการทำงานของสารสกัดบัวบกได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสารสกัดบัวบกในขนาด 30 และ 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดเรื้อรังจาก TMD โดยมีระดับประสิทธิภาพใกล้เคียงกับยาอิบูโพรเฟน สิ่งที่น่าสนใจคือ ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นอกจากจะช่วยลดอาการปวดแล้ว ยังไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูก และยังช่วยลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดได้อีกด้วย นี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสารสกัดบัวบกในการเป็นทางเลือกในการรักษา TMD ที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การศึกษาครั้งนี้มีข้อจำกัดบางประการ เช่น การใช้หนูทดลองอาจไม่สะท้อนถึงผลลัพธ์ในมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ ขนาดตัวอย่างอาจไม่เพียงพอ และยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการศึกษานี้ เช่น การศึกษาทางคลินิกในมนุษย์ เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว และการศึกษาเพื่อหาปริมาณสารสำคัญในสารสกัดบัวบก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้มากขึ้น การศึกษาเพิ่มเติมอาจพิจารณาการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการประเมินความเจ็บปวด เช่น การตรวจวัดคลื่นสมอง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวัด และการศึกษาถึงกลไกการทำงานของสารสกัดบัวบกในระดับโมเลกุล เพื่อหาเป้าหมายในการพัฒนายาใหม่

โดยสรุป งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเบื้องต้นที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสารสกัดมาตรฐานบัวบก (ECA 233) ในการรักษาอาการปวดเรื้อรังจาก TMD ผลการวิจัยนี้สามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือยาจากสารสกัดบัวบก เพื่อใช้ในการรักษาอาการปวดเรื้อรังจากโรคข้อต่อขากรรไกร แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยก่อนนำไปใช้ในทางคลินิกอย่างแพร่หลาย

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  1. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์: ผลการวิจัยสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดบัวบก เพื่อรักษาอาการปวดเรื้อรังจาก TMD หรือโรคปวดเรื้อรังอื่นๆ การวิจัยนี้ช่วยสร้างฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนการใช้บัวบกในวงการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  2. อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: สารสกัดบัวบกเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลการวิจัยนี้สามารถใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรัง การระบุขนาดที่เหมาะสมของสารสกัดบัวบกจะช่วยให้การผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  3. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง: บัวบกมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ จึงอาจนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางเพื่อลดอาการบวม หรือรอยแดงจากสิว แม้ว่างานวิจัยนี้จะเน้นการรักษา TMD แต่ผลลัพธ์ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้ได้เช่นกัน

  4. อุตสาหกรรมเกษตรกรรม: งานวิจัยนี้ส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกและการวิจัยเกี่ยวกับบัวบก เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพรชนิดนี้ การพัฒนาสายพันธุ์ที่มีสารสำคัญสูง และเทคนิคการสกัดที่ทันสมัย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างมาก

งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์หลายอาชีพ เช่น:

  1. แพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรม: แพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังจาก TMD การใช้สารสกัดบัวบกเป็นทางเลือกในการรักษาจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น และช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาแผนปัจจุบัน

  2. นักวิจัยทางด้านเภสัชวิทยา: งานวิจัยนี้เป็นพื้นฐานที่ดีในการศึกษากลไกการทำงานของสารสกัดบัวบก และการพัฒนายาใหม่จากสารสกัดนี้ นักวิจัยสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหาปริมาณสารสำคัญ กลไกการออกฤทธิ์ในระดับเซลล์และโมเลกุล และการทดสอบความปลอดภัย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

  3. นักวิทยาศาสตร์ด้านชีววิทยา: สามารถนำงานวิจัยนี้ไปประยุกต์ใช้ในงานวิจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ และความเจ็บปวด เช่น โรคข้ออักเสบ โรคภูมิแพ้ หรือโรคระบบประสาทอักเสบ การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารสกัดบัวบกสามารถขยายผลไปสู่การรักษาโรคอื่นๆได้อีกมากมาย

สร้างบทวิเคราะห์โดย Gemini เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568
รหัสโครงการ : 47344
หัวหน้าโครงการ : นายณัฐพล โรจน์เพ็ญเพียร
ปีงบประมาณ : 2563
หน่วยงาน : มหาวิทยาลัยมหิดล
สาขาวิจัย : กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ
ประเภทโครงการ : โครงการเดี่ยว
สถานะ : ปิดโครงการ
คำสำคัญ :
วัตถุประสงค์ : 1. เพื่อทดสอบแบบจำลองสัตว์ทดลองที่กระตุ้นให้เกิดโรคข้อต่อขาไกรอักเสบ2. เพื่อทดสอบผลของสารสกัดมาตรฐานใบบัวบัก (อีซีเอ 233) ในสัตว์ทดลองที่มีอาการปวดข้อต่อขากรรไกรเรื้อรัง

นายณัฐพล โรจน์เพ็ญเพียร. (2563). ผลของสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ233 ต่อการเจ็บปวดเรื้อรังในแบบจำลองของโรคข้อต่อขากรรไกรที่เกิดขึ้นในสัตว์ทดลอง. มหาวิทยาลัยมหิดล. .

นายณัฐพล โรจน์เพ็ญเพียร. 2563. "ผลของสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ233 ต่อการเจ็บปวดเรื้อรังในแบบจำลองของโรคข้อต่อขากรรไกรที่เกิดขึ้นในสัตว์ทดลอง". มหาวิทยาลัยมหิดล. .

นายณัฐพล โรจน์เพ็ญเพียร. "ผลของสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ233 ต่อการเจ็บปวดเรื้อรังในแบบจำลองของโรคข้อต่อขากรรไกรที่เกิดขึ้นในสัตว์ทดลอง". มหาวิทยาลัยมหิดล, 2563. .

นายณัฐพล โรจน์เพ็ญเพียร. ผลของสารสกัดมาตรฐานบัวบก อีซีเอ233 ต่อการเจ็บปวดเรื้อรังในแบบจำลองของโรคข้อต่อขากรรไกรที่เกิดขึ้นในสัตว์ทดลอง. มหาวิทยาลัยมหิดล; 2563. .

Creative Commons : CC

Creative Commons
Attribution ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มา