กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี

การขยายอายุการใช้งานยุทโธปกรณ์การพัฒนาแบบหมุนป้อมปีนรถถังเบาแบบ 21 และป้อมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม.

... 27 กุมภาพันธ์ 2568

บทวิเคราะห์งานวิจัย

งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการยืดอายุการใช้งานของยุทโธปกรณ์สำคัญของกองทัพบกสองชนิด คือ รถถังเบาแบบ 21 และปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม. ทั้งสองอย่างนี้ใช้ระบบหมุนป้อมปืนแบบมือหมุนซึ่งล้าสมัยและมีประสิทธิภาพจำกัด การวิจัยจึงมุ่งพัฒนาและติดตั้งระบบหมุนป้อมปืนไฟฟ้าควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์เพื่อทดแทนระบบเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ความแม่นยำ และความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายป้อมปืน นอกจากนี้ยังช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและลดต้นทุนในการซ่อมบำรุงในระยะยาวอีกด้วย

จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการเน้นการใช้เทคโนโลยีภายในประเทศ การศึกษาและออกแบบระบบใหม่เริ่มจากการวิเคราะห์รายละเอียดของระบบเดิม การวัดขนาด การสร้างแบบจำลอง 3 มิติ การเลือกใช้อุปกรณ์อย่างมอเตอร์และชุดควบคุมที่เหมาะสม และการพัฒนาโปรแกรมควบคุม ขั้นตอนเหล่านี้แสดงถึงความเข้าใจเชิงลึกในระบบเดิมและความสามารถในการออกแบบและพัฒนาระบบใหม่ให้เข้ากันได้อย่างราบรื่น การออกแบบให้สามารถควบคุมได้ทั้งแบบไฟฟ้าและแบบมือหมุนเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาด ช่วยให้การใช้งานมีความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงในการใช้งานระบบใหม่ที่อาจยังไม่คุ้นเคยได้

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังมีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณา บทคัดย่อไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการทดสอบประสิทธิภาพของระบบใหม่หลังการติดตั้ง การทดสอบอย่างละเอียดทั้งในสภาวะแวดล้อมที่ควบคุมและสภาวะแวดล้อมจริงมีความจำเป็นเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือและความทนทานของระบบ เช่น การทดสอบความแม่นยำ ความเร็วในการหมุนป้อมปืน ภาระงานที่สามารถรับได้ รวมถึงความทนทานต่อสภาพอากาศและสภาพการใช้งานที่ยากลำบาก นอกจากนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับต้นทุนการพัฒนาและการผลิตระบบใหม่ยังไม่ได้กล่าวถึง การประเมินต้นทุนอย่างละเอียดมีความสำคัญเพื่อประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน การเปรียบเทียบต้นทุนกับการซื้อระบบใหม่จากต่างประเทศก็ควรทำเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ความสำเร็จของงานวิจัยนี้นอกเหนือจากการยืดอายุการใช้งานของยุทโธปกรณ์แล้ว ยังส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างประเทศ และสร้างความมั่นคงทางด้านการทหาร การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสู่บุคลากรของกองทัพบกก็เป็นผลพลอยได้ที่สำคัญ การวิจัยนี้จึงเป็นแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาและปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยอาศัยความรู้และเทคโนโลยีภายในประเทศ การพัฒนาต่อยอดงานวิจัยนี้อาจรวมถึงการพัฒนาส่วนประกอบอื่นๆ ของรถถังและปืนใหญ่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เช่น ระบบควบคุมการยิง ระบบเล็งเป้า ระบบนำทาง และการผสานระบบเหล่านี้เข้ากับระบบสารสนเทศทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบให้ดียิ่งขึ้น

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมการทหารและอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรกลหนัก เหตุผลคือ:

  1. อุตสาหกรรมการทหาร: งานวิจัยนี้มีผลโดยตรงต่อการปรับปรุงและยืดอายุการใช้งานของยุทโธปกรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความพร้อมรบและความมั่นคงของประเทศ อุตสาหกรรมการทหารสามารถนำผลการวิจัยนี้ไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่มีระบบการทำงานที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในด้านนี้ต่อไป

  2. อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรกลหนัก: งานวิจัยนี้เกี่ยวข้องกับการออกแบบ การพัฒนา และการติดตั้งระบบควบคุมไฟฟ้าสำหรับเครื่องจักรกลหนัก ประสบการณ์และเทคโนโลยีที่ได้จากการวิจัยนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการพัฒนาและปรับปรุงระบบควบคุมไฟฟ้าของเครื่องจักรกลหนักประเภทอื่นๆ ได้ เช่น รถเครน รถขุด หรือเครื่องจักรกลในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องการระบบควบคุมที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ

งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญในหลายอาชีพ เช่น:

  1. วิศวกรเครื่องกล: มีบทบาทสำคัญในการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนทางกล ระบบขับเคลื่อน และระบบควบคุมการเคลื่อนไหวของป้อมปืน

  2. วิศวกรไฟฟ้า: รับผิดชอบในการออกแบบและพัฒนาส่วนประกอบทางไฟฟ้า ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และโปรแกรมควบคุมมอเตอร์และระบบต่างๆ

  3. วิศวกรระบบควบคุม: มีหน้าที่ในการออกแบบ พัฒนา และทดสอบระบบควบคุมทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

  4. ช่างเทคนิค: มีบทบาทสำคัญในการติดตั้ง ซ่อมบำรุง และดูแลรักษาระบบ ซึ่งต้องมีความรู้ทั้งทางกลและไฟฟ้า

  5. นักวิจัยและพัฒนา: มีบทบาทในการพัฒนาระบบใหม่ๆ และปรับปรุงระบบเดิมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินผลการวิจัย

สร้างบทวิเคราะห์โดย Gemini เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568
การขยายอายุการใช้งานยุทโธปกรณ์การพัฒนาแบบหมุนป้อมปีนรถถังเบาแบบ 21 และป้อมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม.
ภาพนี้สร้างโดย Image GPT เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568
รหัสโครงการ : 142169
หัวหน้าโครงการ : นายทศพร แก้ววิจิตร
ปีงบประมาณ : 2563
หน่วยงาน : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
สาขาวิจัย : กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ประเภทโครงการ : โครงการเดี่ยว
สถานะ : ปิดโครงการ
คำสำคัญ :
วัตถุประสงค์ : 1. เพื่อขยายอายุการใช้งานของรถถังเบาแบบ 21 โดยการพัฒนาระบบหมุนป้อมปืนควบคุมด้วยอิเล็คทรอนิค2. เพื่อขยายอายุการใช้งานของปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม. โดยการซ่อมคืนสภาพระบบหมุนป้อมปืนควบคุมด้วยอิเล็คทรอนิค3. เพื่อเพิ่มสมรรถนะการใช้งานของรถถังเบาแบบ 21 และ ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม. ให้สูงขึ้น ลดการพึ่งพาต่างประเทศ

นายทศพร แก้ววิจิตร. (2563). การขยายอายุการใช้งานยุทโธปกรณ์การพัฒนาแบบหมุนป้อมปีนรถถังเบาแบบ 21 และป้อมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม.. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. กรุงเทพมหานคร.

นายทศพร แก้ววิจิตร. 2563. "การขยายอายุการใช้งานยุทโธปกรณ์การพัฒนาแบบหมุนป้อมปีนรถถังเบาแบบ 21 และป้อมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม.". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. กรุงเทพมหานคร.

นายทศพร แก้ววิจิตร. "การขยายอายุการใช้งานยุทโธปกรณ์การพัฒนาแบบหมุนป้อมปีนรถถังเบาแบบ 21 และป้อมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม.". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, 2563. กรุงเทพมหานคร.

นายทศพร แก้ววิจิตร. การขยายอายุการใช้งานยุทโธปกรณ์การพัฒนาแบบหมุนป้อมปีนรถถังเบาแบบ 21 และป้อมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 59 ขนาด 57 มม.. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ; 2563. กรุงเทพมหานคร.

Creative Commons : CC

Creative Commons
Attribution ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มา