โครงการสร้างนักพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อการพัฒนาชุมชนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง "โครงการสร้างนักพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อการพัฒนาชุมชนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี" ที่มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ปูม้าในชุมชนบ้านหินกบ จังหวัดชุมพร นับเป็นงานวิจัยที่มีความน่าสนใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง งานวิจัยนี้ใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมและการวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสมกับการศึกษาชุมชนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน การศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 สะท้อนถึงความต่อเนื่องและความตั้งใจในการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นระบบ
จุดแข็งของงานวิจัยนี้อยู่ที่การบูรณาการองค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่เน้นการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะปูม้า ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของชุมชน การเพาะฟักและปล่อยลูกปูม้ากลับคืนสู่ทะเลแสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนของโครงการ และเป็นการสร้างความตระหนักรู้ด้านการอนุรักษ์ให้กับคนในชุมชนและเยาวชน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชนกับภาครัฐก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จ การมีส่วนร่วมของภาครัฐในการสนับสนุนโครงการ ทั้งด้านงบประมาณ การถ่ายทอดความรู้ และการประชาสัมพันธ์ จะช่วยให้โครงการมีความแข็งแกร่งและสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง การวิจัยยังพบว่าศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ปูม้าอยู่ในระดับสูงมาก เนื่องจากมีสถานที่เหมาะสมสำหรับการปล่อยลูกปูม้า มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และมีร้านอาหารทะเลที่มีทัศนียภาพสวยงาม ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยควรมีการวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนของโครงการในระยะยาว เช่น การจัดการขยะ การรักษาความสะอาด และการบริหารจัดการนักท่องเที่ยว เพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม การควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เกิน 100 คนต่อครั้งเป็นแนวทางที่ดี แต่ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการนักท่องเที่ยวในระยะยาว หากมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าการท่องเที่ยวจะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมของชุมชน การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อชุมชนอย่างละเอียด เช่น รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน การกระจายรายได้ และการสร้างงาน ก็เป็นสิ่งที่ควรเพิ่มเติมในงานวิจัยนี้ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว ทั้งในด้านคุณภาพของบริการ ความสะอาด และความปลอดภัย ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงและพัฒนาโครงการให้ดียิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว งานวิจัยชิ้นนี้มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ก็ควรมีการพัฒนาและปรับปรุงเพิ่มเติมในด้านต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมอาหารทะเล เหตุผลคือ:
-
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์: งานวิจัยนี้เสนอรูปแบบการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการสร้างรายได้ให้กับชุมชน เป็นต้นแบบที่ดีสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่อื่นๆ สามารถนำองค์ความรู้ กลยุทธ์การตลาด และการบริหารจัดการจากงานวิจัยนี้ไปปรับใช้ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีคุณค่าและความยั่งยืน
-
อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ: งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเพาะฟักและอนุบาลลูกปูม้า ซึ่งสามารถนำความรู้และเทคโนโลยีที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงปูม้าไปประยุกต์ใช้กับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต นอกจากนี้ การปล่อยลูกปูม้ากลับคืนสู่ธรรมชาติ ยังเป็นการช่วยฟื้นฟูทรัพยากรปูม้าในธรรมชาติ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการประมงอย่างยั่งยืน
-
อุตสาหกรรมอาหารทะเล: การมีร้านอาหารทะเลในชุมชนที่ให้บริการนักท่องเที่ยว เป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับชุมชน งานวิจัยนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของร้านอาหารทะเล เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างความพึงพอใจ การเน้นการใช้ปูม้าที่เพาะเลี้ยง ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของอาหารทะเล
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับนักวิชาการด้านการท่องเที่ยว นักวิจัยด้านการพัฒนาชุมชน นักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และชาวประมง เหตุผลคือ:
-
นักวิชาการด้านการท่องเที่ยว: สามารถนำงานวิจัยนี้ไปศึกษาต่อยอด เพื่อพัฒนาแนวทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ยั่งยืน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
-
นักวิจัยด้านการพัฒนาชุมชน: งานวิจัยนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการศึกษาและวิจัยชุมชนอื่นๆ เพื่อสร้างแบบจำลองการพัฒนาชุมชนที่เหมาะสมกับบริบทต่างๆ
-
นักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์: สามารถนำองค์ความรู้และกลยุทธ์การตลาดจากงานวิจัยนี้ไปใช้ในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อสร้างรายได้และความยั่งยืนให้กับธุรกิจ
-
ชาวประมง: ชาวประมงสามารถนำความรู้และเทคโนโลยีในการเพาะฟักปูม้าจากงานวิจัยนี้ไปใช้ในการเพิ่มรายได้ และช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรปูม้าในทะเล
| รหัสโครงการ : | 180731 |
| หัวหน้าโครงการ : | นายชาติวุฒิ พลนิล |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านสังคมศาสตร์ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1. สร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับภาครัฐ2. เป็นแหล่งกระจายรายได้ให้กับสมาชิกชุมชนด้วยการบริการด้านการท่องเที่ยว3. เป็นแหล่งพื้นฟูทรัพยากรและเพาะฟักอนุบาลลูกปูม้าเพื่อปล่อยลูกปูม้ากลับคืนสู่ทะเล4. เพื่อเป็นการกระตุ้นความสำคัญและเป็นแหล่งเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับคนในชุมชนตลอดจนเยาวชนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ในการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นของตนเอง |
นายชาติวุฒิ พลนิล. (2563). โครงการสร้างนักพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อการพัฒนาชุมชนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. ชุมพร.
นายชาติวุฒิ พลนิล. 2563. "โครงการสร้างนักพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อการพัฒนาชุมชนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี". สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. ชุมพร.
นายชาติวุฒิ พลนิล. "โครงการสร้างนักพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อการพัฒนาชุมชนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี". สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, 2563. ชุมพร.
นายชาติวุฒิ พลนิล. โครงการสร้างนักพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อการพัฒนาชุมชนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง; 2563. ชุมพร.