ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งพัฒนาระบบต้นแบบ "ซีพาว" (CPOW) สำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยใช้สมาร์ตวอตช์และสมาร์ตโฟนเป็นสื่อกลาง ระบบอาศัยการติดตามตำแหน่งผ่าน GPS ในสมาร์ตวอตช์ที่ผู้ป่วยสวมใส่ และเปรียบเทียบกับตำแหน่งของสมาร์ตโฟนของผู้ดูแล หากระยะห่างเกินเกณฑ์ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนผู้ดูแลทันที นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังสามารถกดปุ่ม SOS บนสมาร์ตวอตช์เพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ ระบบยังช่วยให้ผู้ดูแลตรวจสอบตำแหน่งของผู้ป่วยผ่าน Google Maps และโทรติดต่อผู้ป่วยได้โดยตรง
จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยง การใช้สมาร์ตวอตช์และสมาร์ตโฟนช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการติดตามและแจ้งเหตุ การแจ้งเตือนด้วยเสียงช่วยให้ผู้ดูแลรับรู้สถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้น การออกแบบระบบให้ใช้งานง่ายและเข้าใจง่าย เหมาะกับผู้สูงอายุและผู้ดูแลที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีหลากหลายระดับ
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้มีข้อจำกัดบางประการ ประการแรก ระบบอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ระบบอาจไม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประการที่สอง ระบบมีประสิทธิภาพสูงสุดกับผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์ (ระยะที่ 1 หรือ 2) และผู้ป่วยที่ไม่หูหนวก ผู้ป่วยที่มีภาวะหูหนวกหรืออยู่ในระยะรุนแรงของโรค อาจไม่สามารถใช้งานระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประการที่สาม การพึ่งพาสมาร์ตวอตช์และสมาร์ตโฟนอาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้สูงอายุบางกลุ่มที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเหล่านี้ และสุดท้าย การทดสอบภาคสนามมีข้อจำกัดในแง่ของกลุ่มตัวอย่าง การขยายผลไปยังกลุ่มตัวอย่างที่หลากหลายมากขึ้น อาจทำให้ผลการวิจัยมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
แม้จะมีข้อจำกัด แต่ก็เป็นงานวิจัยที่มีศักยภาพสูงในการช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้ดูแล การพัฒนาต่อยอดระบบซีพาวให้มีความครอบคลุมมากขึ้น เช่น การเพิ่มฟังก์ชันการตรวจจับการล้ม การตรวจสอบสัญญาณชีพ หรือการเชื่อมต่อกับแพทย์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประโยชน์ของระบบได้อย่างมาก นอกจากนี้ การศึกษาความเป็นไปได้ในการลดการพึ่งพาอินเทอร์เน็ต หรือการพัฒนาให้ใช้งานได้กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวก เช่น นาฬิกาแบบง่ายๆ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ การวิจัยเพิ่มเติมในด้านเหล่านี้ จะช่วยให้ระบบซีพาวมีความสมบูรณ์และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ผลการทดสอบภาคสนามที่ได้คะแนนความพึงพอใจสูงถึง 92.56% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความยอมรับของระบบ อย่างไรก็ตาม การศึกษาในระยะยาว และการติดตามผลการใช้งานจริง จะเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของระบบในระยะยาว
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ อุตสาหกรรมดูแลผู้สูงอายุ และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เหตุผลคือ:
-
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์: ระบบซีพาวเป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาในด้านการดูแลสุขภาพ สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ช่วยเหลือผู้สูงอายุได้ การพัฒนาต่อยอดอาจรวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบการแพทย์ระยะไกล หรือการตรวจวัดสัญญาณชีพเพิ่มเติม
-
อุตสาหกรรมดูแลผู้สูงอายุ: ระบบนี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ โดยช่วยลดภาระงานของผู้ดูแล เพิ่มประสิทธิภาพการดูแล และลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สามารถนำไปใช้ในสถานดูแลผู้สูงอายุ หรือเป็นผลิตภัณฑ์เสริมสำหรับผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ที่บ้าน
-
อุตสาหกรรมโทรคมนาคม: ระบบนี้พึ่งพาการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรคมนาคม การพัฒนาและการนำไปใช้จึงจำเป็นต้องมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคม เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ใช้งาน
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ วิศวกรซอฟต์แวร์ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคอัลไซเมอร์ และนักวิจัยด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ เหตุผลคือ:
-
นักพัฒนาซอฟต์แวร์/วิศวกรซอฟต์แวร์: สามารถนำความรู้และทักษะในการพัฒนาแอปพลิเคชัน และการออกแบบระบบ มาต่อยอดพัฒนาและปรับปรุงระบบซีพาวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
ผู้ดูแลผู้สูงอายุ: สามารถนำระบบซีพาวไปใช้ในการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ช่วยลดภาระงาน และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุ
-
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคอัลไซเมอร์: สามารถนำข้อมูลจากระบบซีพาวมาใช้ในการติดตามอาการ และวางแผนการรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
นักวิจัยด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์: สามารถนำงานวิจัยนี้ไปต่อยอด และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงได้มากขึ้น
| รหัสโครงการ : | 7271 |
| หัวหน้าโครงการ : | ดร. วินัย วงษ์ไทย |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยนเรศวร |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | เนื่องจากผู้วิจัยมีประสบการณ์ในการทำวิจัย (ซึ่งจะอธิบายไว้ในหัวข้อที่ 8) เกี่ยวกับ-การประยุกต์การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆกับ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่งทุกอย่าง-แนวทางการประยุกต์งานวิจัยของผู้ดำเนินโครงการที่ได้ทำเสร็จแล้ว ที่เกี่ยวกับเรื่องการแจ้งเตือนด้วยเสียง-ระบบแปลงอักษรเป็นเสียงพูด และ แนวทางการแจ้งเตือนด้วยเสียง และและ โครงการนี้เป็นวิจัยและเพื่อพัฒนาในประเด็นสำคัญตามยุทธศาสตร์ของประเทศที่เกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ต้นแบบ และโดยจากประสบการณ์ทำวิจัยดังกล่าวดังนั้น ผู้วิจัยจะสร้างนวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ โดยสร้างระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ |
ดร. วินัย วงษ์ไทย. (2563). ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์. มหาวิทยาลัยนเรศวร. พิษณุโลก.
ดร. วินัย วงษ์ไทย. 2563. "ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์". มหาวิทยาลัยนเรศวร. พิษณุโลก.
ดร. วินัย วงษ์ไทย. "ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์". มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2563. พิษณุโลก.
ดร. วินัย วงษ์ไทย. ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ระบบต้นแบบสำหรับติดตามตัวและแจ้งเหตุด้วยเสียงสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์. มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2563. พิษณุโลก.