กลไกขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง "กลไกขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน" นี้มุ่งเน้นการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งมรดกเหล่านี้ งานวิจัยใช้แนวทางวิจัยแบบผสมผสาน ทั้งเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์ สนทนากลุ่ม และการสังเกต โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแผนการอนุรักษ์และพัฒนาที่ยั่งยืน และสำคัญที่สุดคือการสร้างกลไกขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพร่วมกับชุมชน
จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการให้ความสำคัญกับบริบทของชุมชน งานวิจัยไม่ได้มองเพียงแค่ตัวแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังเข้าใจถึงสภาพปัญหา ความต้องการ และศักยภาพของชุมชนที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร การลดลงของความผูกพันกับวัดในฐานะศูนย์กลางชุมชน การขาดแคลนงบประมาณ และความไม่เข้าใจในกฎระเบียบราชการ ล้วนเป็นประเด็นที่งานวิจัยให้ความสำคัญและนำมาวิเคราะห์ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร การขายที่ดินให้คนต่างถิ่น ส่งผลให้ความผูกพันกับแหล่งมรดกลดลง รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับวัด และระหว่างชุมชนกับหน่วยงานภาครัฐที่อ่อนแอ
นอกจากนี้ งานวิจัยยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน การพัฒนาแผนการอนุรักษ์และพัฒนาไม่ได้เกิดจากการกำหนดมาจากบนลงล่าง แต่เป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของตนเอง สิ่งนี้สะท้อนถึงความเข้าใจในหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่เน้นความเท่าเทียม และการกระจายอำนาจ การวิจัยเสนอกลไกการขับเคลื่อน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การสร้างความภูมิใจให้ชุมชน การเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างชุมชนกับภาครัฐ การร่วมบริหารจัดการพื้นที่ และการฟื้นฟูระบบบริหารชุมชนวัด กลไกเหล่านี้มีศักยภาพที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางในการวางแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น การศึกษาครอบคลุมเพียง 7 ชุมชนและ 12 แหล่งมรดก อาจไม่เพียงพอที่จะสรุปภาพรวมของสถานการณ์การอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมด การขยายขอบเขตการวิจัยให้ครอบคลุมมากขึ้น และการศึกษาเชิงปริมาณเพิ่มเติม อาจทำให้ผลการวิจัยมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น แต่โดยภาพรวม งานวิจัยชิ้นนี้มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่ง ทั้งต่อการวางแผนการอนุรักษ์ การบริหารจัดการ และการพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ เพราะผลการวิจัยสามารถนำไปใช้ในการวางแผนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ และการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชน นอกจากนี้ ยังเหมาะกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสื่อ เช่น การสร้างภาพยนตร์ สารคดี หรือสื่อดิจิทัล เนื่องจากงานวิจัยนี้มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนในเชียงใหม่ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการสร้างสื่อเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับนักวิจัย นักวางแผนเมือง นักบริหาร เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม นักท่องเที่ยววิชาการ นักวิชาการด้านมานุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชุมชน เนื่องจากงานวิจัยนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลไกการขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการวางแผน การบริหารจัดการ และการตัดสินใจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานด้านการศึกษา สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการสอน การวิจัย และการพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง
| รหัสโครงการ : | 174090 |
| หัวหน้าโครงการ : | นางสาววรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ |
| ปีงบประมาณ : | 2565 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านมนุษย์ศาสตร์ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1) เพื่อศึกษาบริบททั่วไป สภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่2) เพื่อประเมินศักยภาพของชุมชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่3) เพื่อพัฒนาแผนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม4) เพื่อนำเสนอแผนงานและกลไกขับเคลื่อนการบริหารจัดการของชุมชนในการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน |
นางสาววรลัญจก์ บุณยสุรัตน์. (2565). กลไกขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่.
นางสาววรลัญจก์ บุณยสุรัตน์. 2565. "กลไกขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน". มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่.
นางสาววรลัญจก์ บุณยสุรัตน์. "กลไกขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน". มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2565. เชียงใหม่.
นางสาววรลัญจก์ บุณยสุรัตน์. กลไกขับเคลื่อนการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของเมืองเชียงใหม่อย่างยั่งยืน. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2565. เชียงใหม่.