การเพิ่มมูลค่าวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อผลิตเป็นวัสดุพิเศษสำหรับงานซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงสร้างคอนกรีต
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าของวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ (เถ้าลอย) โดยนำมาพัฒนาเป็นวัสดุซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงโครงสร้างคอนกรีต ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาต้นทุนสูงของวัสดุซ่อมแซมคอนกรีตที่มีอยู่เดิม เช่น โพลีเมอร์โมดิฟายและอีพ็อกซี่เรซิ่น งานวิจัยแบ่งออกเป็นสองระยะ ระยะแรกมุ่งพัฒนาวัสดุซ่อมแซมผิวถนนคอนกรีตจากวัสดุอัลคาไลคอนกรีตสังเคราะห์จากเถ้าลอยและปูนซีเมนต์ ระยะที่สองมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุเชื่อมประสานต้นทุนต่ำสำหรับอุปกรณ์ฝังยึดแบบติดตั้งภายหลัง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สำคัญในการลดต้นทุนและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
การใช้วัสดุอัลคาไลที่สังเคราะห์จากเถ้าลอย (แทนที่ปูนซีเมนต์บางส่วน) และสารละลายโซเดียมซิลิเกตและโซเดียมไฮดรอกไซด์ เป็นแนวทางที่น่าสนใจ เนื่องจากเถ้าลอยเป็นวัสดุเหลือใช้ที่มีปริมาณมากจากโรงไฟฟ้า การนำมาใช้จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การทดแทนปูนซีเมนต์ด้วยเถ้าลอยในระดับร้อยละ 10 และ 20 โดยน้ำหนัก แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการหาอัตราส่วนที่เหมาะสมและประหยัดต้นทุน การทดสอบคุณสมบัติทางกลของวัสดุอัลคาไล เช่น ความต้านทานการกัดกร่อน ความสามารถต้านทานแรงอัดและแรงดัด เปรียบเทียบกับวัสดุเชิงพาณิชย์ ช่วยยืนยันประสิทธิภาพของวัสดุที่พัฒนาขึ้น โดยเฉพาะการทดสอบแรงดึงถอนของวัสดุเชื่อมประสานสำหรับอุปกรณ์ฝังยึด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการใช้งานจริง
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดบางประการยังต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น อายุการใช้งานของวัสดุอัลคาไลในสภาพแวดล้อมจริง ความทนทานต่อสภาวะอุณหภูมิและความชื้นที่แตกต่างกัน ตลอดจนการวิเคราะห์วงจรชีวิต (Life Cycle Assessment) เพื่อประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนอย่างละเอียดระหว่างการใช้วัสดุอัลคาไลกับวัสดุเชิงพาณิชย์ รวมถึงการคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและการขนส่ง เพื่อให้เห็นภาพความคุ้มค่าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การพัฒนาต้นแบบวัสดุและกระบวนการผลิตที่พร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ผลงานวิจัยนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของวัสดุอัลคาไลกับวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น คอนกรีตที่มีอยู่เดิม ก็มีความสำคัญเช่นกัน
งานวิจัยนี้มีข้อดีคือ เป็นการใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่จริงในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเน้นการลดต้นทุนและการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์และพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมซ่อมแซมและบำรุงรักษาโครงสร้างคอนกรีต เนื่องจากวัสดุที่พัฒนาขึ้นสามารถใช้ทดแทนวัสดุซ่อมแซมคอนกรีตที่มีราคาแพง เช่น อีพ็อกซี่เรซิ่น และยังช่วยลดต้นทุนในการซ่อมแซม นอกจากนี้ ยังเหมาะกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากสามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีศักยภาพทางการตลาด และอุตสาหกรรมการจัดการขยะ เพราะช่วยลดปริมาณขยะจากเถ้าลอยที่เหลือทิ้งจากโรงไฟฟ้า
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับวิศวกรโยธา วิศวกรวัสดุ นักวิทยาศาสตร์วัสดุ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมก่อสร้าง วิศวกรโยธาสามารถนำความรู้จากงานวิจัยไปใช้ในการออกแบบและควบคุมงานซ่อมแซมโครงสร้างคอนกรีต วิศวกรวัสดุและนักวิทยาศาสตร์วัสดุสามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการพัฒนาวัสดุใหม่ๆ ส่วนผู้ประกอบการสามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้างรายได้และขยายธุรกิจ
| รหัสโครงการ : | 179680 |
| หัวหน้าโครงการ : | รองศาสตราจารย์ ดร. ธนากร ภูเงินขำ |
| ปีงบประมาณ : | 2565 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี |
| ประเภทโครงการ : | แผนงาน หรือชุดโครงการ |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | เพื่อพัฒนาวัสดุซ่อมแซมผิวถนนคอนกรีตและวัสดุเชื่อมประสานต้นทุนต่ำสำหรับอุปกรณ์ฝังยึดแบบติดตั้งภายหลังที่สังเคราะห์จากไฮบริดอัลคาไลน์เถ้าลอยแคลเซียมสูงที่อายุการบ่ม 1 และ 7 วัน ซึ่งเป็นวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะที่มีคุณสมบัติเทียบเคียงกับคอนกรีตซ่อมแซมทั่วไปและพุกเคมีเชิงพาณิชย์ เพื่อศึกษาวิเคราะห?ผลกระทบทางด?านเศรษฐศาสตร์ในการลงทุนผลิตวัสดุซ่อมแซมผิวถนนคอนกรีตชนิดใหม่และวัสดุเชื่อมประสานต้นทุนต่ำสำหรับอุปกรณ์ฝังยึดแบบติดตั้งภายหลังเพื่อใช้ในงานซ่อมบำรุงและเป็นการลดการใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาต้นแบบวัสดุซ่อมแซมผิวถนนคอนกรีตชนิดใหม่และต้นแบบพุกเคมีทางเลือกที่เป็นการใช้ประโยชน์จากวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อเป็นแนวทางการนำไปใช้ในทางปฏิบัติจริง |
รองศาสตราจารย์ ดร. ธนากร ภูเงินขำ. (2565). การเพิ่มมูลค่าวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อผลิตเป็นวัสดุพิเศษสำหรับงานซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงสร้างคอนกรีต. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. นครราชสีมา, พะเยา, ลำปาง.
รองศาสตราจารย์ ดร. ธนากร ภูเงินขำ. 2565. "การเพิ่มมูลค่าวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อผลิตเป็นวัสดุพิเศษสำหรับงานซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงสร้างคอนกรีต". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. นครราชสีมา, พะเยา, ลำปาง.
รองศาสตราจารย์ ดร. ธนากร ภูเงินขำ. "การเพิ่มมูลค่าวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อผลิตเป็นวัสดุพิเศษสำหรับงานซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงสร้างคอนกรีต". มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน, 2565. นครราชสีมา, พะเยา, ลำปาง.
รองศาสตราจารย์ ดร. ธนากร ภูเงินขำ. การเพิ่มมูลค่าวัสดุพลอยได้จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อผลิตเป็นวัสดุพิเศษสำหรับงานซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงสร้างคอนกรีต. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน; 2565. นครราชสีมา, พะเยา, ลำปาง.