การพัฒนาชีวภัณฑ์จากโพรไบโอติคเพื่อการยับยั้งโรคและส่งเสริมการเจริญในต้นทุเรียน
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาชีวภัณฑ์จากโพรไบโอติคเพื่อการยับยั้งโรคและส่งเสริมการเจริญในต้นทุเรียน” นี้ เป็นงานวิจัยที่มีความสำคัญและทันสมัย เน้นการใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ (โพรไบโอติก) โดยเฉพาะกลุ่มแอคติโนไมซีท ซึ่งเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีศักยภาพในการสร้างสารต้านจุลชีพและเอนไซม์ต่างๆ มาใช้ในการควบคุมโรคพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นทุเรียน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย การเลือกใช้แอคติโนไมซีทเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่พบได้ทั่วไปในดิน และมีหลายสายพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อพืช การคัดเลือกสายพันธุ์เฉพาะที่สามารถยับยั้งเชื้อราสาเหตุโรคสำคัญในทุเรียนได้ถึง 3 ชนิด (Fusarium decemcellulare, Phytophthora palmivora และ Lasiodiplodia theobromae) แสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดและประสิทธิภาพของกระบวนการคัดเลือกเชื้อ
จุดเด่นของงานวิจัยนี้ คือ การศึกษาคุณสมบัติของเชื้อแอคติโนไมซีทอย่างครอบคลุม ไม่เพียงแต่การยับยั้งเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสอบความสามารถในการสร้างเอนไซม์ต่างๆ เช่น เอนไซม์ละลายฟอสเฟต สารไซเดอโรฟอร์ อะไมเลส เซลลูเลส และยูรีเอส ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้มีความสำคัญในการช่วยให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ การที่เชื้อสามารถส่งเสริมการงอกของรากพืชโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย และยับยั้งการเข้าทำลายของเชื้อราบนเมล็ดทุเรียน เป็นข้อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเชื้อ การใช้ข้าวปลายเป็นวัสดุเจริญเติบโตของเชื้อ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการลดต้นทุนและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
นอกจากนี้ งานวิจัยยังได้พัฒนาสูตรปุ๋ยต้นแบบ (prototype) ที่มีส่วนผสมของโพรไบโอติกที่จำเพาะต่อต้นทุเรียน (Durian probiotic) และทดสอบประสิทธิภาพในแปลงทดสอบ การทดสอบในระดับโรงเรือนแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นบวก คือต้นทุเรียนเจริญเติบโตได้ดีและชีวภัณฑ์สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการนำชีวภัณฑ์นี้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยควรมีการระบุปริมาณและความเข้มข้นของชีวภัณฑ์ที่ใช้ในการทดสอบอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง ควรมีการเปรียบเทียบผลการทดลองกับการใช้สารเคมีกำจัดโรคพืช เพื่อแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบของการใช้ชีวภัณฑ์ รวมถึงการวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทน เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นสำหรับการนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ
การศึกษานี้สอดคล้องกับพระราชดำริในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวภัณฑ์เป็นทางเลือกในการควบคุมโรคพืช จะช่วยลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน งานวิจัยนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการเกษตร และมีศักยภาพที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของทุเรียน ส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมทุเรียนไทย และสามารถต่อยอดไปสู่การวิจัยพัฒนาชีวภัณฑ์สำหรับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ได้ต่อไป
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมเกษตรกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกทุเรียน เหตุผลคือ:
-
การแก้ปัญหาโรคพืช: งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการพัฒนาชีวภัณฑ์เพื่อควบคุมโรคในต้นทุเรียน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตและคุณภาพของทุเรียน การใช้ชีวภัณฑ์เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้สารเคมี เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคมากขึ้น ส่งผลให้สินค้ามีความน่าเชื่อถือและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
-
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ: ชีวภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นทุเรียน ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ปริมาณมากขึ้น และมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทุเรียน
-
ความต้องการตลาด: ผู้บริโภคทั่วโลกมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมีในเกษตรกรรมมากขึ้น ความต้องการสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงเพิ่มสูงขึ้น ชีวภัณฑ์จากงานวิจัยนี้ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ทำให้สินค้าทุเรียนไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะสมกับอาชีพต่อไปนี้:
-
เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน: สามารถนำชีวภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการดูแลต้นทุเรียน ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต และปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
-
นักวิจัยด้านเกษตรกรรม: สามารถนำงานวิจัยนี้ไปต่อยอด ศึกษาเพิ่มเติม และพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการเกษตร เช่น การศึกษาประสิทธิภาพของชีวภัณฑ์ในพืชชนิดอื่น หรือการพัฒนาสูตรชีวภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
-
ผู้ประกอบการด้านเกษตรอินทรีย์: ชีวภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญสำหรับเกษตรอินทรีย์ การนำชีวภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นไปใช้ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และขยายตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้มากขึ้น
-
เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร: สามารถนำความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยนี้ไปให้ความรู้ และส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรของประเทศ
| รหัสโครงการ : | 175406 |
| หัวหน้าโครงการ : | ผศ.ดร. มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร |
| ปีงบประมาณ : | 2565 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยบูรพา |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1. เพื่อสนองพระราชดำริในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี2. เพื่อศึกษาคุณสมบัติการส่งเสริมการเจริญของพืชจากเชื้อ sup-act 53. เพื่อศึกษาวิธีการเพิ่มจำนวนหัวเชื้อในถังหมัก (reactor) เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานในแปลงทดสอบ4. เพื่อพัฒนาสูตรปุ๋ยต้นแบบ (prototype) ที่มีส่วนผสมของ probiotic ซึ่งมีความจำเพาะต่อต้นทุเรียน (Durian probiotic)5. เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของ Durian probiotic ในแปลงทดสอบ |
ผศ.ดร. มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร. (2565). การพัฒนาชีวภัณฑ์จากโพรไบโอติคเพื่อการยับยั้งโรคและส่งเสริมการเจริญในต้นทุเรียน. มหาวิทยาลัยบูรพา. ชลบุรี.
ผศ.ดร. มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร. 2565. "การพัฒนาชีวภัณฑ์จากโพรไบโอติคเพื่อการยับยั้งโรคและส่งเสริมการเจริญในต้นทุเรียน". มหาวิทยาลัยบูรพา. ชลบุรี.
ผศ.ดร. มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร. "การพัฒนาชีวภัณฑ์จากโพรไบโอติคเพื่อการยับยั้งโรคและส่งเสริมการเจริญในต้นทุเรียน". มหาวิทยาลัยบูรพา, 2565. ชลบุรี.
ผศ.ดร. มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร. การพัฒนาชีวภัณฑ์จากโพรไบโอติคเพื่อการยับยั้งโรคและส่งเสริมการเจริญในต้นทุเรียน. มหาวิทยาลัยบูรพา; 2565. ชลบุรี.