การจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล โดยใช้เทคโนโลยี RDF-5 ร่วมกับมาตรการทางสังคมเพื่อสร้างชุมชนไร้ขยะ (Zero-waste)
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง "การจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล โดยใช้เทคโนโลยี RDF-5 ร่วมกับมาตรการทางสังคมเพื่อสร้างชุมชนไร้ขยะ (Zero-waste)" นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ปัญหาขยะมูลฝอยจำนวนมากที่ตกค้างในศูนย์กำจัดมูลฝอยเทศบาลตำบลกำแพง กว่า 100,000 ตัน เป็นแรงผลักดันให้เกิดการศึกษาวิจัยนี้ขึ้น งานวิจัยมุ่งเน้นการพัฒนาเชื้อเพลิงแข็ง RDF-5 จากขยะชุมชน โดยใช้ยางพาราเป็นสารช่วยประสาน ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาขยะมูลฝอยและใช้ประโยชน์จากยางพาราที่เหลือใช้ในประเทศไทยไปพร้อมๆ กัน
การศึกษาได้ทดลองใช้อัตราส่วนของขยะชุมชนต่อยางพาราที่แตกต่างกัน พบว่าการเพิ่มปริมาณยางพาราส่งผลให้ค่าความร้อนของเชื้อเพลิง RDF-5 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการใช้งานในเชิงพลังงาน อย่างไรก็ตาม การเพิ่มปริมาณยางพาราเกินไปอาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิต งานวิจัยจึงได้วิเคราะห์หาอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและต้นทุน โดยพบว่าอัตราส่วน 95:5 (ขยะชุมชน:ยางพารา) เป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุด ให้ค่าความร้อนสูง ต้นทุนการผลิตต่ำ และระยะเวลาคืนทุนเร็วเพียง 5.72 ปี
นอกจากการทดลองหาอัตราส่วนที่เหมาะสมแล้ว งานวิจัยยังศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของเชื้อเพลิง RDF-5 ที่ผลิตได้ พบว่าปริมาณการปล่อยก๊าซต่างๆ เช่น SO2, CO2, NOx และฝุ่นละออง อยู่ในระดับที่เป็นไปตามมาตรฐาน แสดงให้เห็นว่าเชื้อเพลิง RDF-5 ที่พัฒนาขึ้นมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการบูรณาการเทคโนโลยี RDF-5 เข้ากับมาตรการทางสังคม โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความยั่งยืนของโครงการ การสร้างศูนย์การเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จะช่วยให้ชุมชนเข้าใจและมีส่วนร่วมในการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การศึกษาระยะเวลาคืนทุน 5.72 ปี อาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความเป็นจริง เช่น ความผันผวนของราคายางพารา ความต้องการเชื้อเพลิงในตลาด และต้นทุนการขนส่ง การขยายผลงานวิจัยไปสู่ระดับอุตสาหกรรม อาจต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุน
โดยสรุป งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยที่มีคุณค่า นำเสนอแนวทางการจัดการขยะมูลฝอยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง การบูรณาการเทคโนโลยีและการมีส่วนร่วมของชุมชน เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของโครงการ อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อลดข้อจำกัดและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต เพื่อให้สามารถขยายผลไปสู่ระดับอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มรูปแบบ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะสมกับหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงาน การจัดการขยะ และอุตสาหกรรมยางพารา
- อุตสาหกรรมพลังงาน: เชื้อเพลิง RDF-5 ที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในโรงงานอุตสาหกรรม หรือโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- อุตสาหกรรมการจัดการขยะ: งานวิจัยนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการขยะมูลฝอย สามารถนำไปปรับใช้ในพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหาขยะล้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาการจัดการยางพาราเหลือใช้จำนวนมาก
- อุตสาหกรรมยางพารา: การใช้ยางพาราเป็นสารช่วยประสานในกระบวนการผลิต RDF-5 ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราเหลือใช้ และเป็นการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการทิ้งยางพาราลงในธรรมชาติ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมยางพารา
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะสมกับบุคลากรในหลายอาชีพ อาทิ
- วิศวกรสิ่งแวดล้อม: สามารถนำความรู้และเทคนิคจากงานวิจัยไปใช้ในการออกแบบและพัฒนาโรงงานจัดการขยะ และระบบการผลิตเชื้อเพลิง RDF-5
- นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม: สามารถนำงานวิจัยไปต่อยอดในการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของเชื้อเพลิง RDF-5 และพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการขยะที่ยั่งยืนมากขึ้น
- นักวิจัยด้านวัสดุ: สามารถศึกษาและพัฒนาคุณสมบัติของ RDF-5 เพื่อให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ
- เจ้าหน้าที่เทศบาล/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: สามารถนำงานวิจัยไปใช้ในการวางแผนและบริหารจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่รับผิดชอบ
- ผู้ประกอบการด้านพลังงานทดแทน: สามารถนำเทคโนโลยีการผลิต RDF-5 ไปใช้ในการผลิตพลังงานทดแทน และสร้างธุรกิจใหม่ๆ
| รหัสโครงการ : | 38463 |
| หัวหน้าโครงการ : | ผศ.ดร. เกียรติศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1. เพื่อให้ขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูลได้รับการจัดการถูกต้องตามหลักวิชาการ 2. เพื่อให้มีการจัดการขยะมูลฝอยตกค้างในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล 100 % ภายในปี 2564 3. เพื่อให้ชุมชนมีการคัดแยกที่ต้นทาง โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ด้วยเทคนิค A-I-C 4. เพื่อให้ขยะที่ถูกคัดแยกมีการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น การผลิตเชื้อเพลิงแข็ง (RDF-5) 5. เพื่อให้ได้ศูนย์การเรียนรู้ เพื่อเป็นพื้นที่รวบรวมข้อมูลของชุมชน สำหรับถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งเป็นแหล่งบริการชุมชนด้านต่างๆ 6. เพื่อให้ได้เครื่องต้นแบบเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิง RDF-5 จากขยะชุมชนที่มียางพาราเป็นตัวเชื่อมประสาน จำนวน 1 ชุด 7. เพื่อให้ได้กระบวนการผลิตเชื้อเพลิง RDF-5 จากขยะชุมชนที่มียางพาราเป็นตัวเชื่อมประสาน ได้คุณภาพตามมาตรฐานตามที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ 8. เพื่อนำข้อมูลวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในเชิงเทคนิค ต้นทุนการผลิต และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำ ไปสู่การออกแบบและพัฒนาต้นแบบ โรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF-5) ที่มีประสิทธิภาพ จากขยะชุมชนที่มียางพาราเป็นตัวเชื่อมประสาน |
ผศ.ดร. เกียรติศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต. (2563). การจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล โดยใช้เทคโนโลยี RDF-5 ร่วมกับมาตรการทางสังคมเพื่อสร้างชุมชนไร้ขยะ (Zero-waste). มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. สตูล.
ผศ.ดร. เกียรติศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต. 2563. "การจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล โดยใช้เทคโนโลยี RDF-5 ร่วมกับมาตรการทางสังคมเพื่อสร้างชุมชนไร้ขยะ (Zero-waste)". มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. สตูล.
ผศ.ดร. เกียรติศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต. "การจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล โดยใช้เทคโนโลยี RDF-5 ร่วมกับมาตรการทางสังคมเพื่อสร้างชุมชนไร้ขยะ (Zero-waste)". มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา, 2563. สตูล.
ผศ.ดร. เกียรติศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต. การจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล โดยใช้เทคโนโลยี RDF-5 ร่วมกับมาตรการทางสังคมเพื่อสร้างชุมชนไร้ขยะ (Zero-waste). มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา; 2563. สตูล.