การพัฒนารูปแบบในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งพัฒนานวัตกรรมส่งเสริมสุขภาวะจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น โดยใช้แนวทางการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ งานวิจัยแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 3 ระดับการศึกษา คือ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา และออกแบบนวัตกรรมที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของแต่ละกลุ่ม สำหรับระดับอุดมศึกษาใช้ Web based screening และโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิต ระดับมัธยมศึกษาใช้ Mobile MPsyHealth application และระดับประถมศึกษาใช้เกมบนสื่อดิจิทัลและบอร์ดเกม การออกแบบนวัตกรรมใช้กรอบแนวคิด Eudaimonic Psychological Well-Being และ Neuman’s system theory ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดที่ได้รับการยอมรับในด้านสุขภาพจิต การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการทดสอบ แสดงถึงความรอบคอบและความต้องการให้นวัตกรรมเป็นที่ยอมรับและใช้งานได้จริง
การทดสอบประสิทธิภาพของนวัตกรรมในกลุ่มตัวอย่างนักเรียนและนักศึกษาระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาจำนวน 220 คน โดยใช้กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง และใช้การทดสอบที (t-test) วิเคราะห์ข้อมูล แสดงถึงความเข้มงวดทางวิชาการ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมสามารถส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจ ลดภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล และความเครียดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม ขนาดกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองอาจยังไม่เพียงพอที่จะสรุปผลได้อย่างทั่วถึง ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่และหลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลการวิจัย
จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการพัฒนานวัตกรรมที่ตรงกับความต้องการของเด็กและวัยรุ่นในแต่ละระดับการศึกษา การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น เว็บแอปพลิเคชัน แอปพลิเคชันบนมือถือ และเกมดิจิทัล ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง และสะดวกต่อการใช้งาน การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การทดสอบประสิทธิภาพอย่างเข้มงวด และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการวิจัยมีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังมีข้อจำกัด เช่น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก และการศึกษาอาจไม่ครอบคลุมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น เช่น ปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และครอบครัว การขยายผลการวิจัยไปสู่การนำนวัตกรรมไปใช้ในวงกว้าง และการพัฒนานวัตกรรมให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายยิ่งขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาในอนาคต
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และเกม เนื่องจากนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น ทั้ง Web based application, Mobile MPsyHealth application และ digital game-based learning ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยี อุตสาหกรรมนี้สามารถนำผลงานวิจัยไปต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เช่น การจำหน่ายซอฟต์แวร์ การให้บริการแอปพลิเคชัน หรือการจัดจำหน่ายเกม นอกจากนี้ ยังเหมาะกับอุตสาหกรรมการศึกษา ซึ่งสามารถนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปใช้ในการส่งเสริมสุขภาวะจิตใจของนักเรียนและนักศึกษา และบูรณาการเข้ากับหลักสูตรการศึกษา อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิต ก็สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพจิตที่ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือประเมินสุขภาพจิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กและวัยรุ่น เช่น ครู นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักการศึกษา และแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานในสถาบันการศึกษา สามารถนำนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการส่งเสริมสุขภาวะจิตใจของเด็กและวัยรุ่น และสามารถใช้เครื่องมือประเมินสุขภาพจิตที่พัฒนาขึ้นเพื่อคัดกรองและช่วยเหลือเด็กและวัยรุ่นที่มีปัญหาสุขภาพจิตได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ นักออกแบบเกม และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ที่สามารถนำความรู้และทักษะมาพัฒนาและปรับปรุงนวัตกรรมให้ดียิ่งขึ้น อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา เช่น นักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัย ก็สามารถนำงานวิจัยนี้ไปใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการวิจัยต่อไป หรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น
| รหัสโครงการ : | 35777 |
| หัวหน้าโครงการ : | รองศาสตราจารย์ ดร. พวงเพชร เกษรสมุทร |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยมหิดล |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านเกษตรศาสตร์ |
| ประเภทโครงการ : | แผนงาน หรือชุดโครงการ |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | (1) สร้างนวัตกรรมที่เป็นเลิศ (Best 4.0 Model) ในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น ในสถาบันการศึกษา 3 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา 1.1 ทดสอบประสิทธิภาพของ Web based screening และโปรแกรมในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในนักเรียนระดับระดับอุดมศึกษา 1.2 ทดสอบประสิทธิภาพของ Mobile MPsyHealth application ในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในนักศึกษามัธยมศึกษา1.3 ทดสอบประสิทธิภาพของเกมบนสื่อดิจิตอล (digital game-based learning) บอร์ดเกม (board game) ในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในนักเรียนระดับประถมศึกษา(2) ขยายภาคีเครือข่ายการขับเคลื่อนนวัตกรรมในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในสถาบันการศึกษา ทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา พร้อมทั้งนำเสนอเชิงนโยบายเพื่อการขยายผลสู่สถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (3) ติดตามประเมินผลเพื่อให้การสนับสนุนและขับเคลื่อนนวัตกรรมการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในสถาบันการศึกษา ทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา ให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน (4) วิเคราะห์ปัจจัยเงื่อนไขที่เสริมหนุนหรือเป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น ทั้งในระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา |
รองศาสตราจารย์ ดร. พวงเพชร เกษรสมุทร. (2563). การพัฒนารูปแบบในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น. มหาวิทยาลัยมหิดล. .
รองศาสตราจารย์ ดร. พวงเพชร เกษรสมุทร. 2563. "การพัฒนารูปแบบในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น". มหาวิทยาลัยมหิดล. .
รองศาสตราจารย์ ดร. พวงเพชร เกษรสมุทร. "การพัฒนารูปแบบในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น". มหาวิทยาลัยมหิดล, 2563. .
รองศาสตราจารย์ ดร. พวงเพชร เกษรสมุทร. การพัฒนารูปแบบในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น. มหาวิทยาลัยมหิดล; 2563. .