การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และความเป็นพิษต่อระบบหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบประสาท (ชื่อเดิม: การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ความเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต และระบบฐานข้อมูลเตือนภัยสำหรับประเทศไทย)
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อสุขภาพโดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบประสาท โดยเน้นการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของ PM2.5 จากแหล่งต่างๆ ทั้งมาตรฐาน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างและประเมินความเป็นพิษ งานวิจัยนี้มีความครอบคลุมตั้งแต่การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี การทดสอบความเป็นพิษในเซลล์เพาะเลี้ยง และการทดลองในสัตว์ ซึ่งเป็นวิธีการวิจัยที่ครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ ในการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี พบสารประกอบไฮโดรคาร์บอนหลายชนิด เช่น Fluoranthene, Indeno[1,2,3-c,d]pyrene, Benzo[b]fluoranthene, Benzo[a]pyrene และ Levoglucosan ในฝุ่น PM2.5 มาตรฐานและฝุ่นจากแหล่งต่างๆ โดยพบว่า Benzo[a]pyrene มีปริมาณสูงในฝุ่นจากกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนฝุ่นจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะมี Acenaphthene เป็นส่วนใหญ่ การวิเคราะห์ธาตุโลหะหนักพบว่า เหล็ก แมงกานีส และโครเมียม มีปริมาณสูงในทุกตัวอย่าง
ผลการทดสอบความเป็นพิษในเซลล์เพาะเลี้ยงแสดงให้เห็นว่า PM2.5 ทั้งจากแหล่งต่างๆและมาตรฐานกระตุ้นให้เกิดภาวะเครียดจากออกซิเดชันในเซลล์เยื่อบุผิวของระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร นำไปสู่ความผิดปกติของกลไกการป้องกันตนเองของเซลล์ นอกจากนี้ยังพบว่า PM2.5 กระตุ้นการอักเสบในเซลล์ประสาทและทำให้เซลล์ตาย การทดสอบฤทธิ์ของสารองค์ประกอบ Benzo[a]pyrene พบว่าเพิ่มระดับอนุมูลอิสระแต่ไม่ทำให้เซลล์ตาย ในขณะที่ Chromium (VI) มีผลกระทบต่อเซลล์หลายชนิดคล้ายกับ PM2.5 เช่น เหนี่ยวนำการตายของเซลล์แบบ Necrosis และ Apoptosis และยับยั้งการเจริญของเซลล์ประสาท ผลการทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่า PM2.5 มาตรฐานที่ความเข้มข้นสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปอดอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ฝุ่นจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะที่ความเข้มข้นต่ำมีผลกระทบต่อปอดน้อยกว่า ซึ่งอาจเกิดจากองค์ประกอบโลหะหนักหลายชนิดและขนาดอนุภาคใหญ่ทำให้มีการตกตะกอนอย่างรวดเร็ว
งานวิจัยนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าใจผลกระทบของ PM2.5 ต่อสุขภาพ การระบุสารประกอบหลักที่ก่อให้เกิดความเป็นพิษ และการพัฒนาฐานข้อมูลและระบบเตือนภัย การเปรียบเทียบ PM2.5 จากแหล่งต่างๆ ช่วยให้เข้าใจถึงที่มาและปัจจัยเสี่ยงที่แตกต่างกัน การทดลองทั้งในระดับเซลล์และสัตว์ช่วยให้สามารถประเมินความเป็นพิษได้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการวิจัย และศึกษาผลกระทบระยะยาว รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทางเคมีของ PM2.5 กับความรุนแรงของโรคต่างๆ การพัฒนาฐานข้อมูลและระบบเตือนภัยเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้สังคมไทยสามารถรับมือกับปัญหา PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับกลไกการเกิดพิษของสารประกอบต่างๆ ใน PM2.5 เช่น การศึกษาปฏิกิริยาภายในเซลล์ จะช่วยในการพัฒนากลยุทธ์การป้องกันและรักษาโรคที่เกิดจาก PM2.5 ได้อย่างตรงจุด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมหลายประเภท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณภาพอากาศ การพัฒนาเทคโนโลยีการกรองอากาศ และการพัฒนาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการพัฒนายาหรือผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเพื่อบรรเทาอาการหรือป้องกันโรคที่เกิดจาก PM2.5 อุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อย PM2.5 อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการพัฒนาแบบจำลองการจำลองการกระจายตัวของ PM2.5 และการพัฒนาแผนการจัดการคุณภาพอากาศ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมประกันภัยสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการประเมินความเสี่ยงและการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับโรคที่เกิดจาก PM2.5
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนักวิจัยด้านสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เช่น นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม นักวิเคราะห์คุณภาพอากาศ และนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การประเมินความเสี่ยง การวางแผนการจัดการ และการให้คำแนะนำ นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ยังเหมาะกับนักวิชาการ นักวิจัย และอาจารย์ในสถาบันการศึกษา เพื่อใช้ในการสอน การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพอากาศและสุขภาพประชาชน
| รหัสโครงการ : | 109687 |
| หัวหน้าโครงการ : | นายพิสิฐ เขมาวุฆฒ์ |
| ปีงบประมาณ : | 2564 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยมหิดล |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ |
| ประเภทโครงการ : | แผนงาน หรือชุดโครงการ |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | เปรียบเทียบความแตกต่างทางเคมีของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในเขตภาคเหนือเปรียบเทียบกับเขตกรุงเทพปริมณฑลที่แตกต่างกันทั้งในแง่ปริมาณและองค์ประกอบทางเคมี ประเมินเสี่ยงและความเป็นพิษของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนที่ได้จำแนกลักษณะทางเคมีแล้ว ผ่านการทดสอบในสัตว์ทดลองเพื่อใช้อนุมานถึงความเป็นพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ พัฒนาฐานข้อมูลและระบบเตือนภัยในการตระหนักถึงปัญหาและการจัดการกับฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย |
นายพิสิฐ เขมาวุฆฒ์. (2564). การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และความเป็นพิษต่อระบบหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบประสาท (ชื่อเดิม: การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ความเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต และระบบฐานข้อมูลเตือนภัยสำหรับประเทศไทย). มหาวิทยาลัยมหิดล. กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, สมุทรปราการ.
นายพิสิฐ เขมาวุฆฒ์. 2564. "การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และความเป็นพิษต่อระบบหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบประสาท (ชื่อเดิม: การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ความเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต และระบบฐานข้อมูลเตือนภัยสำหรับประเทศไทย)". มหาวิทยาลัยมหิดล. กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, สมุทรปราการ.
นายพิสิฐ เขมาวุฆฒ์. "การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และความเป็นพิษต่อระบบหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบประสาท (ชื่อเดิม: การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ความเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต และระบบฐานข้อมูลเตือนภัยสำหรับประเทศไทย)". มหาวิทยาลัยมหิดล, 2564. กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, สมุทรปราการ.
นายพิสิฐ เขมาวุฆฒ์. การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และความเป็นพิษต่อระบบหายใจ ทางเดินอาหาร และระบบประสาท (ชื่อเดิม: การจำแนกลักษณะทางเคมีของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ความเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต และระบบฐานข้อมูลเตือนภัยสำหรับประเทศไทย). มหาวิทยาลัยมหิดล; 2564. กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, สมุทรปราการ.