กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี

การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าโดยการควบคุมสารอาหารที่ต้องการในปริมาณน้อยให้มีเพียงพอ

... 7 มีนาคม 2568
การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าโดยการควบคุมสารอาหารที่ต้องการในปริมาณน้อยให้มีเพียงพอ
ภาพนี้สร้างโดย Image GPT เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568

บทวิเคราะห์งานวิจัย

งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่า ซึ่งเป็นของเสียจากโรงงานผลิตเอทานอลหรือสุรา โดยใช้ระบบหมักแบบ UASB (Upflow Anaerobic Sludge Blanket) งานวิจัยนี้ได้ศึกษาหลายแง่มุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซมีเทนจากแหล่งวัตถุดิบนี้ โดยแบ่งเป็นการศึกษาผลกระทบของปัจจัยต่างๆ ได้แก่ การเจือจางน้ำกากส่า การปรับอัตราการป้อนสารอินทรีย์ (COD loading rate) และการเพิ่มสารอาหารจำเป็นในปริมาณน้อย รวมถึงการควบคุมปริมาณโปแตสเซียมที่มีความเข้มข้นสูงในน้ำกากส่า ซึ่งเป็นสารยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในกระบวนการหมัก

จุดเด่นของงานวิจัยนี้คือการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการผลิตก๊าซมีเทนของระบบ UASB แบบขั้นตอนเดียว สองขั้นตอน และสามขั้นตอน ทั้งในกรณีใช้น้ำกากส่าเจือจางและไม่เจือจาง ผลการวิจัยพบว่าระบบ UASB แบบขั้นตอนเดียวให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อใช้น้ำกากส่าเจือจาง โดยสามารถเพิ่มอัตราการป้อน COD และประสิทธิภาพการผลิตมีเทนได้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับการใช้น้ำกากส่าไม่เจือจาง การเจือจางช่วยลดความเป็นพิษจากโปแตสเซียม ซึ่งเป็นสารยับยั้งการทำงานของจุลินทรีย์ ทำให้ระบบสามารถรับภาระสารอินทรีย์ได้มากขึ้นและผลิตก๊าซมีเทนได้มากขึ้น แม้ว่าการเจือจางจะทำให้ปริมาณน้ำเสียที่ต้องจัดการเพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซมีเทนที่ได้นั้นมีนัยสำคัญทางเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากสามารถลดขนาดของถังหมักได้ และก๊าซชีวภาพที่ได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

นอกจากการเจือจางแล้ว งานวิจัยยังได้ศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพโดยวิธีอื่นๆ เช่น การเติมสารอาหารจำเป็นในปริมาณน้อย (Ni, Co, Zn) การเติมสารคีแลนท์ GLDA เพื่อช่วยในการดูดซึมสารอาหาร และการเติมอากาศในปริมาณจำกัด วิธีการเหล่านี้ล้วนแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซมีเทนและลดปริมาณ COD ในน้ำเสียได้อย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่าการควบคุมสภาพแวดล้อมการหมักอย่างเหมาะสมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพได้อย่างมาก

อีกวิธีการหนึ่งที่น่าสนใจคือการกรองเบื้องต้นเพื่อลดปริมาณโปแตสเซียมในน้ำกากส่าก่อนนำไปหมัก การใช้ระบบกรองแบบสองขั้นตอน (ไมโครฟิลเตรชั่นและนาโนฟิลเตรชั่น) ช่วยลดความเข้มข้นของโปแตสเซียม ทำให้สามารถเพิ่มอัตราการป้อน COD ได้มากขึ้น และประสิทธิภาพการผลิตก๊าซมีเทนก็สูงขึ้นตามไปด้วย วิธีนี้ช่วยลดความจำเป็นในการเจือจางน้ำกากส่าในระดับสูง ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนในการจัดการน้ำเสียได้

งานวิจัยนี้มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น การศึกษาในสเกลห้องปฏิบัติการ อาจไม่สามารถนำไปปรับใช้ในสเกลอุตสาหกรรมได้โดยตรง นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของการใช้เทคนิคต่างๆ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบต้นทุนการก่อสร้างระบบที่ลดลงกับค่าใช้จ่ายในการจัดการน้ำเสียที่อาจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยที่มีคุณภาพ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่า และเสนอวิธีการต่างๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนในการจัดการของเสียได้ ผลการวิจัยนี้สามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาระบบการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าในระดับอุตสาหกรรมต่อไปได้

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเอทานอลหรือสุรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานที่ใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ เนื่องจากน้ำกากส่าซึ่งเป็นของเสียจากกระบวนการผลิตมีปริมาณมากและเป็นปัญหาในการจัดการ งานวิจัยนี้เสนอวิธีการที่สามารถเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานทดแทนในรูปของก๊าซชีวภาพ ช่วยลดต้นทุนการกำจัดของเสีย และสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสีย นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังงานทดแทน หรืออุตสาหกรรมที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด

งานวิจัยนี้เหมาะกับนักวิจัยด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมเคมี และจุลชีววิทยา โดยเฉพาะผู้ที่สนใจในด้านการผลิตพลังงานทดแทนและการจัดการของเสีย นอกจากนี้ยังเหมาะกับวิศวกรผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบและติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย และผู้ที่ทำงานด้านการจัดการพลังงาน เนื่องจากงานวิจัยนี้ให้ความรู้และทักษะในการออกแบบและควบคุมระบบหมักผลิตก๊าซชีวภาพที่มีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาการจัดการของเสียในโรงงานอุตสาหกรรมได้

สร้างบทวิเคราะห์โดย Gemini เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568
รหัสโครงการ : 109676
หัวหน้าโครงการ : นายปราโมช รังสรรค์วิจิตร
ปีงบประมาณ : 2564
หน่วยงาน : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สาขาวิจัย : กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ประเภทโครงการ : โครงการเดี่ยว
สถานะ : ปิดโครงการ
คำสำคัญ :
วัตถุประสงค์ : หาอัตราป้อนซีโอดีที่เหมาะสม (Optimum COD loading rate) ที่ให้ประสิทธิภาพการผลิตมีเทนสูงสุด (Maximum methane yield) จากน้ำกากส่าที่ไม่มีการเจือจาง ในระบบหมักแบบยูเอเอสบี (UASB) แบบขั้นตอนเดียว, สองขั้นตอน และสามขั้นตอน หาอัตราป้อนซีโอดีที่เหมาะสม (Optimum COD loading rate) ที่ให้ประสิทธิภาพการผลิตมีเทนสูงสุด (Maximum methane yield) จากน้ำกากส่าที่มีการเจือจาง ในระบบหมักแบบยูเอเอสบี (UASB) แบบขั้นตอนเดียว, สองขั้นตอน และสามขั้นตอน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่า โดยการควบคุมสารอาหารที่ต้องการในปริมาณน้อยให้มีเพียงพอ โดยการเติมสารเหล็ก, สารคีแลนท์ หรืออากาศ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่า โดยการกรองเพื่อลดปริมาณสารโปแตรเซียม

นายปราโมช รังสรรค์วิจิตร. (2564). การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าโดยการควบคุมสารอาหารที่ต้องการในปริมาณน้อยให้มีเพียงพอ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร.

นายปราโมช รังสรรค์วิจิตร. 2564. "การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าโดยการควบคุมสารอาหารที่ต้องการในปริมาณน้อยให้มีเพียงพอ". จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร.

นายปราโมช รังสรรค์วิจิตร. "การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าโดยการควบคุมสารอาหารที่ต้องการในปริมาณน้อยให้มีเพียงพอ". จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2564. กรุงเทพมหานคร.

นายปราโมช รังสรรค์วิจิตร. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าโดยการควบคุมสารอาหารที่ต้องการในปริมาณน้อยให้มีเพียงพอ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2564. กรุงเทพมหานคร.

Creative Commons : CC

Creative Commons
Attribution ให้เผยแพร่ ดัดแปลง โดยต้องระบุที่มา