การขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันโรคติดต่อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาPM2.5
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 ในระดับอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการเคลือบแผ่นกรองด้วยวัสดุคอมพอสิทของไฮดรอกซีอะพาไทต์และไททาเนียมไดออกไซด์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพในการแก้ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นละออง PM2.5 และการแพร่กระจายของเชื้อโรคทางเดินหายใจ งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการขยายกำลังการผลิตจากระดับห้องปฏิบัติการ (250 กรัม/รอบ) สู่ระดับอุตสาหกรรม (15 กิโลกรัม/รอบ) โดยยังคงรักษาประสิทธิภาพในการกรอง PM2.5 และไวรัสไว้ได้เกือบเท่าเดิม ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการปรับขนาดกระบวนการผลิตให้เหมาะสมกับการผลิตเชิงพาณิชย์
จุดแข็งของงานวิจัยนี้คือการพัฒนาและปรับใช้เทคโนโลยีวัสดุคอมพอสิท ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัย การที่หน้ากากอนามัยที่ผลิตได้มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานสากลทั้ง Type IIR (EN14683:2019) และ Level 3 (ASTM F2100:2019) แสดงให้เห็นถึงคุณภาพและประสิทธิภาพที่สูง นอกจากนี้ การที่งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการสร้างโรงงานนำร่อง (Pilot plant) ยังช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ และเป็นการส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยยังคงมีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณา เช่น ต้นทุนการผลิตในระดับอุตสาหกรรมอาจสูงกว่าระดับห้องปฏิบัติการ ความพร้อมของวัตถุดิบและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการตลาดและการแข่งขันในตลาดหน้ากากอนามัย การวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับความทนทานและอายุการใช้งานของหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ รวมถึงการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของงานวิจัย
โดยสรุป งานวิจัยนี้มีความสำคัญและมีศักยภาพในการแก้ปัญหาสุขภาพสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งการสร้างโรงงานนำร่อง เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศ การพิจารณาถึงข้อจำกัดและการวิจัยเพิ่มเติม จะช่วยให้สามารถนำผลงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะสมอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมการผลิตหน้ากากอนามัย อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมเคมี เหตุผลประกอบด้วย:
-
อุตสาหกรรมการผลิตหน้ากากอนามัย: งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการพัฒนาและขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูง โดยตรง จึงสามารถนำเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยได้ทันที เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
อุตสาหกรรมการแพทย์: หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 และไวรัส เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ งานวิจัยนี้จึงสามารถสนับสนุนอุตสาหกรรมการแพทย์ให้มีอุปกรณ์ป้องกันที่มีคุณภาพสูง เพื่อปกป้องบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย
-
อุตสาหกรรมเคมี: เนื่องจากงานวิจัยนี้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวัสดุคอมพอสิท ซึ่งเป็นองค์ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์วัสดุและเคมี จึงสามารถนำความรู้และเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเคมีอื่นๆ ได้ เช่น การพัฒนาวัสดุเคลือบชนิดอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะสมกับบุคลากรในหลายอาชีพ ได้แก่:
-
วิศวกรเคมี: สามารถนำความรู้ด้านการออกแบบและปรับปรุงกระบวนการผลิต ไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตวัสดุคอมพอสิท และการผลิตหน้ากากอนามัยในระดับอุตสาหกรรม
-
นักวิทยาศาสตร์วัสดุ: สามารถนำความรู้ด้านการพัฒนาและทดสอบวัสดุใหม่ๆ ไปใช้ในการปรับปรุงคุณสมบัติของวัสดุคอมพอสิท ให้มีประสิทธิภาพในการกรอง PM2.5 และไวรัสที่ดีขึ้น
-
วิศวกรโยธา/สิ่งแวดล้อม: สามารถนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการประเมินและแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีปัญหามลพิษ PM2.5 สูง
-
บุคลากรทางการแพทย์: สามารถใช้หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อและฝุ่นละออง PM2.5
| รหัสโครงการ : | 7175 |
| หัวหน้าโครงการ : | ดร. นฤภร มนต์มธุรพจน์ |
| ปีงบประมาณ : | 2563 |
| หน่วยงาน : | สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | เพื่อทดลองขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพในการกรอง PM2.5 ในระดับอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันโรคติดต่อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหา PM2.5 เป็นโรงงานนำร่อง สำหรับการจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ภายในประเทศเพื่อลดการนำเข้าและส่งเสริมการส่งออก |
ดร. นฤภร มนต์มธุรพจน์. (2563). การขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันโรคติดต่อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาPM2.5. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). ปทุมธานี.
ดร. นฤภร มนต์มธุรพจน์. 2563. "การขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันโรคติดต่อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาPM2.5". สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.). ปทุมธานี.
ดร. นฤภร มนต์มธุรพจน์. "การขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันโรคติดต่อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาPM2.5". สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), 2563. ปทุมธานี.
ดร. นฤภร มนต์มธุรพจน์. การขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5 ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันโรคติดต่อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาPM2.5. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.); 2563. ปทุมธานี.