การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล
บทวิเคราะห์งานวิจัย
งานวิจัยเรื่อง "การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่งเดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล" นี้เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมที่มุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนโดยใช้ข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนเป็นฐาน งานวิจัยนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชมในการบูรณาการองค์ความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน ตั้งแต่การปรับปรุงกระบวนการผลิตข้าวแบบเกษตรอินทรีย์เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ไปจนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ข้าวและการเชื่อมโยงเข้ากับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล
จุดแข็งสำคัญของงานวิจัยนี้ คือการเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง การลดต้นทุนการผลิตข้าวถึง 93% ด้วยการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนและความสามารถในการพึ่งพาตนเองของชุมชน การได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และการขยายเครือข่ายเกษตรกร บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ การอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำนาแบบดั้งเดิม (แฮกนาหรือแรกนา) และการนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว สะท้อนถึงการรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ
การเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ การยกระดับมาตรฐานที่พักโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน SHA การสร้างเมนูอาหารเฉพาะถิ่น (Signature Menu) ที่ใช้ข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนเป็นวัตถุดิบ ล้วนแต่เป็นการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ การใช้ตลาดดิจิทัลเป็นช่องทางการตลาด ก็เป็นกลยุทธ์ที่ทันสมัยและสอดคล้องกับยุคสมัย การขับเคลื่อนการขอรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จะช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนในตลาดได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังมีข้อเสนอแนะสำหรับการพัฒนา เช่น การศึกษาตลาดเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค การสร้างแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งและสื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างกลไกการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนเพื่อให้โครงการสามารถดำเนินต่อไปได้แม้หลังจากการวิจัยสิ้นสุดลง การสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนให้มากขึ้น เพื่อต่อยอดโอกาสทางการตลาดและการขยายช่องทางการจำหน่าย และการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวให้หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ผลการวิจัยที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในหลายๆ ด้าน ทั้งการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต การเพิ่มมูลค่าสินค้า และการสร้างรายได้ให้กับชุมชน ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือ ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และเป็นต้นแบบที่ดีให้กับชุมชนอื่นๆ ที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
งานวิจัยนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
-
อุตสาหกรรมเกษตร: งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงโมเดลการทำเกษตรอินทรีย์ที่ประสบความสำเร็จ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร สามารถนำไปปรับใช้กับพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ได้
-
อุตสาหกรรมอาหาร: การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน และการสร้างเมนูอาหารเฉพาะถิ่น เปิดโอกาสให้กับอุตสาหกรรมอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สร้างแบรนด์ และขยายตลาด
-
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว: การเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงอาหาร สร้างรายได้และสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน เป็นโมเดลที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
-
อุตสาหกรรมดิจิทัล: การใช้ตลาดดิจิทัลเป็นช่องทางการตลาด เป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท
งานวิจัยนี้เหมาะกับอาชีพใด
งานวิจัยนี้เหมาะกับผู้ประกอบอาชีพหลายประเภท ได้แก่:
-
เกษตรกร: งานวิจัยนี้ให้ความรู้และแนวทางในการทำเกษตรอินทรีย์ เพิ่มผลผลิต และเพิ่มรายได้ เหมาะกับเกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรแบบเดิมๆ
-
ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร: สามารถนำความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวและสร้างเมนูอาหารเฉพาะถิ่น ไปสร้างธุรกิจอาหารที่ประสบความสำเร็จได้
-
ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว (โฮมสเตย์ รีสอร์ท ฯลฯ): สามารถนำโมเดลการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงอาหาร ไปสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้
-
นักการตลาด: สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลและการสร้างแบรนด์ ไปสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ประสบความสำเร็จได้
-
นักวิจัยและนักพัฒนาชุมชน: งานวิจัยนี้เป็นแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นๆ ได้
| รหัสโครงการ : | 172685 |
| หัวหน้าโครงการ : | ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นันทินา ดำรงวัฒนกูล |
| ปีงบประมาณ : | 2565 |
| หน่วยงาน : | มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง |
| สาขาวิจัย : | กลุ่มข้อมูลด้านสังคมศาสตร์ |
| ประเภทโครงการ : | โครงการเดี่ยว |
| สถานะ : | ปิดโครงการ |
| คำสำคัญ : | |
| วัตถุประสงค์ : | 1. การต่อยอดภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของการทำนาด้วยระบบเกษตรกรรมยั่งยืนสู่การเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมชาวนาไทยส่งเสริมการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนเพื่อสร้างนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นันทินา ดำรงวัฒนกูล. (2565). การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล. มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. ลำปาง.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นันทินา ดำรงวัฒนกูล. 2565. "การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล". มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. ลำปาง.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นันทินา ดำรงวัฒนกูล. "การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล". มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง, 2565. ลำปาง.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นันทินา ดำรงวัฒนกูล. การต่อยอดการเพิ่มมูลค่าทุนทางวัฒนธรรมสินค้าข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนหนึ่ง เดียวในประเทศ เพื่อการส่งเสริมนวัตกรรมชุมชนด้านการท่องเที่ยวและตลาดดิจิทัล. มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง; 2565. ลำปาง.